Friday, January 29, 2010

ต่ออายุความรัก‏

ไม่โกรธพร้อมกัน

คงไม่ต้องถึงขั้นว่าเมื่อใดคนใดร้อนเป็นไฟ แล้วอีกคนต้องเย็นประดุจน้ำ
เพราะในความเป็นจริงแล้ว น้ำกับไฟอยู่ด้วยกันไม่ได้
แต่เป็นการเปรียบเปรยว่าหากคุณเกิดอารมณ์ร้อนขึ้นมา
เขาหรือเธอก็ควรจะนิ่งเสีย ไม่ใช่ว่าเธอแรงมาฉันก็แรงไป
ช่วยกันกระพืออุณหภูมิให้สูงยิ่งขึ้น
มันไม่ต่างกับการที่คนรักกัน แต่กลับมาสาดโคลนใส่กัน
ลองนึกภาพดูนะ หากคนสองคนอยู่ในอารมณ์โกรธทั้งคู่
คำพูดคำจาคงดุเดือดเชือดเฉือนกันน่าดู
ดังนั้นหลายๆ คู่จึงมักจะทำข้อตกลงไว้ก่อนว่าเราจะไม่โกรธพร้อมกันเด็ดขาด

ไม่โกรธข้ามคืน

ต่อเนื่องมาจากข้อแรก คือนอกจากจะไม่โกรธพร้อมกันแล้ว
ก็ไม่ควรจะโกรธกันข้ามวันข้ามคืนด้วย
แม้ว่าอารมณ์โกรธน่ะไม่เข้าใครออกใคร และก็ห้ามยาก
ทำได้อย่างมากก็แค่ ข่มอารมณ์โกรธไว้
แต่เมื่อโกรธขี้นมาแล้ว ก็อย่าเก็บเอามาเป็นเรื่องค้างคาใจ
เคลียร์ได้ก็ควรเคลียร์ให้จบภายในวันนั้น อย่าได้พกพาอารมณ์โกรธเข้านอนไปด้วย
เพราะนอกจากจะทำให้คุณนอนไม่หลับแล้วคู่ กรณีของคุณก็พลอยหลับไม่ลงไปด้วย

ไม่ขึ้นเสียงใส่กัน

ก็ยังเป็นผลสืบเนื่องจากอารมณ์โกรธอยู่นั่นเอง
ไม่ว่าจะโกรธเกรี้ยวขนาดไหน
หรือเพียงแค่เป็นความคุกรุ่นไม่พอใจอยู่ในอก
แต่น้ำเสียงที่สื่อสารออกมานั้น
จะมีความเข้มข้นหนักเบา และสะดุดหูต่างกันไป
ความดังของเสียงอาจจะเริ่มต้นจากพูดเสียงสะบัด
หางเสียงตวัดขึ้นสูงไปจนถึงขั้นตวาดแว้ดๆ ฟังไม่รู้เรื่องเลย
ส่วนคุณพ่อบ้าน ก็อาจจะเผลอเรอตะคอกใส่หน้าสุดที่รักได้
ทั้งหลายทั้งปวงนี้ ก็เพียงเพราะอารมณ์พาไปทั้งนั้น
ดังนั้น เมื่อใดที่รู้ตัวว่าเก็บอารมณ์ไม่อยู่แล้วจริงๆ ให้ใช้วิธีนิ่งเสีย
แล้วก็ปลีกตัวออกห่างๆ จะเป็นการดีที่สุด

ไม่ยุแหย่ยั่วยุ

ไม่ว่าหญิงหรือชาย เมื่อมีปากเสียงกันแล้ว นอกจากไม่ขึ้นเสียงใส่กัน
ทั้งคู่ควรระวังคำพูดที่จะทำร้ายซึ่งกันและกัน เพราะคำพูดที่ยั่วยุ
ยั่วอารมณ์ไม่ได้ทำให้ปัญหามีจบลงได้
ทั้งนี้ทั้งคู่ต้องอดทน หนักแน่นและหันหน้ามาพูดจากันดีๆดีกว่า



ไม่ลงไม้ลงมือ

สาเหตุหลักสำคัญประการหนึ่ง ที่ทำให้หลายคู่ต้องยุติชีวิตรักนั้น
มาจากการถูกทำร้ายร่างกายจากคนที่รัก
โดยเฉพาะฝ่ายหญิง ที่มักจะโดนท้าร้ายอยู่เสมอ
ดังนั้นไม่ว่าจะประสบปัญหาร้ายแรงสักเพียงใด
ขอให้ตระหนักไว้ว่า คนตรงหน้า คือคนที่เราตัดสินใจลงเรือลำเดียวกันแล้ว
เลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เพราะฉะนั้น “คนรักกัน จะไม่ทำร้ายกัน”


ไม่รื้อฟื้นเรื่องอดีต

เราอาจจะไม่สามารถควบคุมสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่ก็เลือกจำเฉพาะส่วนที่ดีๆได้
เรื่องราวใดที่สร้างความบาดหมางใจ บั่นทอนความรักความรู้สึกดีๆที่มีต่อกัน
ก็ควรลืมมันเสีย เก็บไว้เป็นบทเรียนหรือประสบการณ์สอนใจ
ถ้าจะนั่งรำลึกความหลังก็ควรพูดถึงแต่เรื่องดีๆ ของเขาหรือเธอ
ก็จะทำให้คุณทั้งสองมีความรู้สึกที่ดีต่อกันอยู่เสมอ

ไม่เงียบเกินไป

เป็นบ้างไหม อยู่กันไปนานวันเข้า คุยกันแทบจะนับคำได้
ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องคุยมันหายไปไหนหมด
กลับเข้าบ้านก็เหมือนต่างคนต่างอยู่ อย่างนี้ไม่ดีแน่นอน
คุณอาจจะแย้งว่า อยู่กันมาหลายปี คุยกันจนหมดเรื่องคุยแล้ว
อันนี้คุณกำลังหลอกตัวเองอยู่แน่ๆ เรื่องคุยไม่มีวันหมดหรอก
ถามใจตัวเองดีกว่า ว่าความเงียบระหว่างสองเราที่เกิดขึ้นนั้น เป็นเพราะอะไรแน่
ความเงียบจะนำมาซึ่งความห่างเหินและหมางเมิน
จนในที่สุด คุณอาจจะกลายเป็นคนแปลกหน้าที่อยู่ร่วมบ้านเดียวกันได้ในสักวัน

เพราะฉะนั้น หันหน้ามาคุยกันเถอะ เรื่องราวสัพเพเหระต่างๆ
ให้เขาหรือเธอ รู้สึกว่าคุณยังอยู่เคียงข้างเสมอ
เพียงเท่านี้ก็ทำให้รู้สึกอบอุ่นในหัวใจได้แล้ว

ไม่ท้าทายเรื่องเลิก

สิ่งสุดท้ายที่สำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้
เพราะหากเราพูดจาท้าทายเรื่องเลิกกันหลายๆครั้ง
ความรู้สึกที่โดนท้าทาย อาจชินชาเข้าสักวัน
จนความรักที่อยู่มันถูกบั่นทอนไปไม่รู้ตัว
และในที่สุด ชีวิตรักก็จะสั้นลงกว่าที่คิดไว้

Friday, January 15, 2010

เหยือกเต็มหรือยัง

เหยือกเต็มหรือยัง ?

ชายหนุ่มคนหนึ่งได้รับเชิญจากมหาวิทยาลัยเอกชน เพื่อให้เป็นวิทยากรพิเศษสอนวิชาปรัชญาให้กับนักศึกษาปริญญาโท เขาเตรียม\
การสอนอยู่หลายวันจึงตัดสินใจจะสอนนักศึกษาเหล่านั้นด้วยแบบฝึกหัดง่ายๆ แต่แฝงไว้ด้วยข้อคิด





เขาเดินเข้าห้องเรียนมาพร้อมด้วยของสองสามอย่างบรรจุอยู่ในกระเป๋าคู่ใจ

เมื่อได้เวลาเรียน เขาหยิบ เหยือกแก้ว ขนาดใหญ่ขึ้นมา แล้วใส่ ลูกเทนนิส ลงไปจนเต็ม

' พวกคุณคิดว่าเหยือกเต็มหรือยัง ?' เขาหันไปถามนักศึกษาปริญญาโท


แต่ละคนมีสีหน้าตาครุ่นคิดว่าอาจารย์หนุ่มคนนี้จะมาไม้ไหนก่อนจะตอบพร้อมกัน ' เต็มแล้ว... '


เขายิ้มไม่พูดอะไรต่อหันไปเปิดกระเป๋าเอกสารคู่ใจ


หยิบกระป๋องใส่กรวดออกมา แล้วเท กรวดเม็ดเล็กๆ จำนวนมากลงไปในเหยือกพร้อมกับเขย่าเหยือกเบาๆ
กรวดเลื่อนไหลลงไปอยู่ระหว่างลูกเทนนิสอัดจนแน่นเหยือก เขาหันไปถามนักศึกษาอีก

“ เหยือกเต็มหรือยัง ?'

นักศึกษามองดูอยู่พักหนึ่งก่อนจะหันมาตอบ ' เต็มแล้ว... '

เขายังยิ้มเช่นเดิม หันไปเปิดกระเป๋าหยิบเอาถุงทรายใบย่อมขึ้นมา และเททรายจำนวนไม่น้อยใส่ลงไปในเหยือก เม็ดทราย ไหลลงไป
ตามช่องว่างระหว่างกรวดกับลูกเทนนิสได้อย่างง่ายดาย เขาเทจนทรายหมดถุง เขย่าเหยือกจนเม็ดทรายอัดแน่นจนแทบล้นเหยือก

เขาหันไปถามนักศึกษาอีกครั้ง “ เหยือกเต็มหรือยัง ?'

เพื่อป้องกันการหน้าแตกนักศึกษาปริญญาโทเหล่านั้นหันมามองหน้ากัน ปรึกษากันอยู่นาน
หลายคนเดินก้าวเข้ามาก้มๆ เงยๆ มองเหยือกตรงหน้าอาจารย์หนุ่มอยู่หลายครั้ง มีการปรึกษาหารือกันเสียงดังไปทั้งห้องเรียน จวบจน
เวลาผ่านไปเกือบห้านาที หัวหน้ากลุ่มนักศึกษาจึงเป็นตัวแทน เดินเข้ามาตอบอย่างหนักแน่น

“ คราวนี้เต็มแน่นอนครับอาจารย์ '

“ แน่ใจนะ '

“ แน่ซะยิ่งกว่าแน่อีกครับ '

คราวนี้เขาหยิบ น้ำอัดลม สองกระป๋องออกมาจากใต้โต๊ะแล้วเทใส่เหยือกโดยไม่รีรอ ไม่นานน้ำอัดลมก็ซึมผ่านทรายลงไปจนหมด ทั้ง
ชั้นเรียนหัวเราะฮือฮากันยกใหญ่ เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

“ ไหนพวกคุณบอกว่าเหยือกเต็มแน่ๆ ไง ' เขาพูดพลางยกเหยือกขึ้น

“ ผมอยากให้พวกคุณจำบทเรียนวันนี้ไว้ เหยือกใบนี้ก็เหมือนชีวิตคนเรา
ลูกเทนนิสเปรียบเหมือนเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิต เช่น ครอบครัว คู่ชีวิต การเรียน สุขภาพ ลูก พ่อแม่และเพื่อน สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่
คุณต้องสนใจจริงจัง สูญเสียไปไม่ได้


เม็ดกรวดเหมือนสิ่งสำคัญรองลงมา เช่น งาน บ้าน รถยนต์


ทรายก็คือเรื่องอื่นๆ ที่เหลือเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เราจำเป็นต้องทำ แต่เรามักจะหมกมุ่นอยู่กับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้


เหยือกนี้เปรียบกับชีวิตของคุณ ถ้าคุณใส่ทรายลงไปก่อน คุณจะมัวหมกมุ่นอยู่กับเรื่องเล็กๆน้อยๆ อยู่ตลอดเวลา


ชีวิตเต็มแล้ว... เต็มจนไม่มีที่เหลือให้ใส่กรวด ไม่มีที่เหลือใส่ให้ลูกเทนนิสแน่นอน '

ชีวิตของคนเราทุกคน ถ้าเราใช้เวลาและปล่อยให้เวลาหมดไปกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เราจะไม่มีที่ว่างในชีวิตไว้สำหรับเรื่องสำคัญกว่า

เพราะฉะนั้นในแต่ละวันของชีวิต เราต้องให้ความสนใจกับเรื่องที่ทำให้ตัวเราและครอบครัวมีความสุข
ใช้ชีวิตเล่นกับลูกๆ หาเวลาไปตรวจร่างกาย พาคู่ชีวิตกับลูกไปพักผ่อนในวันหยุด พากันออกกำลังกาย เล่นกีฬาร่วมกันสักชั่วโมงสอง
ชั่วโมง เพื่อสุขภาพและความสัมพันธ์ที่ดีในชีวิต พาพ่อแม่ไปเที่ยวพักผ่อนหรือทานข้าว โทรศัพท์หาเพื่อนบ้างให้รู้ว่าเรายังคิดถึงและ
เป็นห่วง เราต้องดูแลเรื่องที่สำคัญที่สุดจริงๆ ดูแลลูกเทนนิสของเราก่อนเรื่องอื่นทั้งหมด หลังจากนั้นถ้ามีเวลาเหลือเราจึงเอามาสนใจ
กับสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบๆ ตัวเรา


นักศึกษาคนหนึ่งยกมือขึ้นถาม “ แล้วน้ำที่อาจารย์เทใส่ลงไปล่ะครับ หมายถึงอะไร ?'


เขายิ้มพร้อมกับบอกว่า “ การที่ใส่น้ำลงไปเพราะอยากให้เห็นว่า ไม่ว่าชีวิตของเราจะวุ่นวายสับสนเพียงใด ในความสับสนและวุ่นวาย
เหล่านั้นคุณยังมีที่ว่างสำหรับการแบ่งปันน้ำใจให้กันเสมอ... '

Monday, January 11, 2010

พริตตี้สาวไทยที่สวย เซ็กซี่ และค่าตัวแพงที่สุด (Thai sexy pretty girl)

พริตตี้สาวไทยที่สวย เซ็กซี่ และค่าตัวแพงที่สุด (Thai sexy pretty girl)







พริตตี้สาวไทยที่สวย เซ็กซี่ และค่าตัวแพงที่สุด (Thai sexy pretty girl)

Tuesday, January 5, 2010

คุณอ่านได้มั้ย

วันก่อนเพื่อนส่งเมลมาให้ฉบับหนึ่ง หัวข้อก็คือ "คุณอ่านได้มั้ย"

พออ่านแล้วรู้สึกสนุกดี ว่า....เอ้ !! แปลกจังเลย นี่เราก็ยังอ่านมันได้นี่หน่า แม้เหมือนจะงง ไม่เข้าใจ

แล้วทำให้เกิดข้อคิดบางอย่างขึ้นมา ท่ามการดำเนินชีวิตในสถานการณ์ที่ดูสับสนอลหม่านวุ่นวายในยุคปัจจุบันนี้

ไม่รู้ว่าคุ! ณเคยอ่านหรือยัง แต่เอาล่ะ เราไปอ่านกันดู ดูสิว่าคุณอ่านมันได้มั้ย แล้วค่อยมาคุยกันต่อ


ณุอาน่ได้มยั้






ถ้าคณุอาน่บทคาวมนี้ได้
คณุมีความคดิที่แขง็แรงพอสวคมรเลยนะ
คณุอาน่ได้หรอืเลป่าล่ะ
มีแค่ 55 คนจาก 100 เท่านนั้แล่หะที่อาน่ได้





ฉนัไม่อายกจะเชอื่เลยว่า
ฉนัเข้าใจสงิ่ที่ฉนักำลงัอาน่อู่ยนี้
มนัเปน็ปฎกราากรณ์ของคาวมคดิของม์ษุยน
ผลการศกึาษวจิยัจาก มวหายิทัาลย แบมคิร์จด ก่าลวว่า





มนัไม่สคำญเลยว่าตวัอรัษกเยีรงถตอ้กูงหรอืไม่ในคำคำหนงึ่
มนัสคำญแค่ว่า ตวัอษักรแรกและตวัอษกัรตวัสดุทาย้ของคำ
นนั้อู่ยในตนำแห่งที่ถกูตอ้ง ที่เลืหอนนั้มนัจะมวั่ซวั่อ่ายงไร
คณุก็อาน่มนัได้อู่ยดี ไม่มีปหญัา






ที่เปน็อาย่งนี้เราพะคาวมคดิของมษุน์ยนนั้
ไม่ได้อาน่ตวัอษกัรทกุตวัซกัหอน่ย
แต่อาน่เปน็คำเตม็ ๆ คำ
สดุยอดเลใช่มยั้ล่ะ...ใช่เลย
แต่ยงัไงฉนัก็คดิว่าการสกะดมนัสคำญันะ
ถ้าคณุอาน่บควาบมนี้ได้ ชว่ยสง่ตอ่หอน่ยนะ











ฉะนั้น ความสับสันวุ่นวายไม่ได้เป็นเหตุทำให้เราไปต่อไม่ได้ และเราไม่ควรจะวิตกจริตกับสิ่งต่างๆที่ประดังประดาถ่าโถมเข้ามาในชีวิตจน เกินเหตุ

จงเผชิญกับมันเถิด แล้วคุณจะรู้ว่า

คุณสามารถอ่านปัญหาที่ดูงงงวยได้ไม่ยาก และสามารถเผชิญหน้ามันต่อไปได้ และไปจนถึงความสำเร็จ

ใช่.....คุณยังไหว.....และคุณอ่านมันได้