Tuesday, October 20, 2009
Thursday, October 15, 2009
ภาพมหัศจรรย์ของ Li Wei
ตอนแรกเห็นก็ต้องแปลกใจว่า เขาทำได้อย่างไร ภาพทั้งหมดได้รับการยืนยันว่า ไม่ได้ใช้วิธีตัดต่อ แต่จะทำได้อย่างไรก็ต้องลองคลิกชมวิดีโอเบื้องหลังการถ่ายภาพของเขาดูล่ะกัน
ถือได้ว่าเป็นคนสร้างภาพ(ถ่ายภาพ)ได้สร้างสรรค์คนหนึ่ง มีทั้งอารมณ์ขันและกวนๆ ไม่เบา ถ้าใครสนใจผลงานของ Li Wei สามารถรับชมเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของเขาที่ http://www.liweiart.com/
Monday, October 12, 2009
หยุดความเลวที่ไล่ล่าคุณ
คำเตือน !
ผมเชื่อว่า หนังสือเล่มนี้ ดีที่สุดในโลก
คุณจะอ่านหรือไม่ มันเรื่องของคุณ
...ขออนุญาตนำบทความบางท่อนจาก
หนังสือ “หยุดความเลวที่ไล่ล่าคุณ”
ของ พ.อ.(พิเศษ) ทองคำ ศรีโยธิน, สมคิด ลวางกูร
q...ตัดเงินเดือน...
qพอกราบคุณย่าเสร็จ
qผมก็หันมาคุยกับอาจารย์
qถามว่า….อาจารย์กำลังทำอะไรครับ
qอาจารย์ตอบว่าผมกำลังตัดรายจ่ายอยู่...คุณทองคำ
qผมต้องจ่าย..ค่าแม่ครัว..คนขับรถ คนสวน
qค่าใช้จ่ายในบ้านและให้แม่อีกเดือนละ 300 บาท ตอนนี้
qรายได้กับรายจ่ายมันไม่ค่อยสัมพันธ์กันต้องตัดรายจ่ายลงบ้าง
qผมก็ทำหน้าที่เป็น Advisor บอกว่า
qเงินเดือนที่ให้แม่ 300 นี่ตัดได้นี่ครับ
qอาจารย์หันหน้ามามองผม ...แล้วยิ้ม...
qทำไมล่ะ?
qผมบอกว่า อาหาร 3 มื้อ ..อาจารย์ก็จัดให้..เรียบร้อย
qเสื้อผ้า..อาจารย์ก็ซื้อให้ใหม่..ปีละ 3 ชุด ..เรียบร้อย
qเจ็บป่วย ไม่สบาย ..อาจารย์ก็พาหมอมาฉีดยาให้ เรียบร้อย
qเพราะฉะนั้น เงินเดือน 300 นี่ ตัดได้ครับ
qท่านบอกว่า
q“ตัดไม่ได้เด็ดขาด”...คุณทองคำ
q300 บาทนี่ สำคัญที่สุด
qสำคัญยังไง?
qเงิน 300 บาทนี่ เป็นเงินสำหรับ
qเลี้ยงหัวใจแม่…
qผมฟังแล้ว...สะอึก
qโอ...นี่เป็นเงินเลี้ยงหัวใจแม่
qพวกเรา เคยได้ยินไหมครับ?
qผมนึกว่า ให้อาหาร...เสื้อผ้า.. เจ็บป่วยก็เอาหมอมารักษา
qน่าจะพอแล้ว
qท่านบอกว่า อาหารกินแล้วก็ไปส้วม
qเสื้อผ้าเก่าแล้ว ก็เป็นผ้าขี้ริ้ว
qหมอรักษา ก็รักษาอาการทางกาย
qสิ่งต่างๆที่เราจัดให้ทั้งหมดนี้เป็นอาหารกาย
qแต่ 300 บาทนี่
qเป็นอาหารเลี้ยงหัวใจแม่
qหัวใจต้องการอาหารที่มาหล่อเลี้ยงให้..เอิบอิ่ม...เบิกบาน...เป็นสุข
qคุณทองคำ ลองนึกดู
qคนที่ไม่มีเงินอยู่ในตัวเลยนี่ เป็นยังไง?
q“หัวใจมันแฟบ”
qหัวใจมันเหี่ยวเฉา ...เหมือนดอกไม้ยามเย็น
qใครที่เป็นข้าราชการจะรู้
qพอเลยวันที่ 25 ไปแล้วนี่ มันเหี่ยว ๆ ยังไงชอบกล
qไม่มีเงินค่ารถไม่มีเงินค่าอาหาร ไม่มีเงินซื้อข้าวสาร
qมันเหี่ยวไปจนถึงสิ้นเดือน
qแม่อยู่กับเรา ก็จริง
qแต่ถ้าแม่ ไม่มีเงินอยู่ในมือนี่
qหัวใจท่านเหี่ยว...
qพอถึงวันเงินเดือนออก
qทุกคนหน้าบาน..เหมือนดอกไม้ยามเช้า
qจิตใจสดชื่น...เบิกบาน...มีความสุข
qรับเงินเดือนมาใหม่ๆ หน้าสดใส
qสั่งกาแฟยังเสียงดังฟังชัด
qทุกสิ้นเดือน พอเงินเดือนออก
qผมเข้าไปกราบแม่
qบอกแม่ว่า วันนี้เงินเดือนออกครับ
qผมนำเงินมาบูชาพระคุณแม่ 300 บาทครับ
qเอาเงิน 300 บาทใส่มือแม่
qแม่ก็ให้ศีล ให้พร
qยกหมอนขึ้น เอาเงินวาง แล้ววางหมอนทับ
qมีความสุข
qเดือนละ 300
qสามสี่เดือน ก็เป็นพันใช่ไหมครับ
qแล้วเงินนี่สำคัญยังไง
qเลี้ยงหัวใจแม่อย่างไร?
q... คุณย่าให้...
qท่านเล่าต่อว่าตอนนั้น
qท่านมีลูก 2 คน
qเป็นผู้หญิงทั้งคู่กำลังท้องคนที่ 3
qวันหนึ่ง ก็พาเมียไปโรงพยาบาล
qแม่ถามว่า คลอดหรือยัง?
qยังครับแม่
qวันต่อมาถามอีก คลอดหรือยัง
qคลอดแล้วครับแม่
qผู้หญิงหรือผู้ชาย?
qผู้ชายครับ
qโอ๊ย...แม่ดีใจจังเลย
qได้หลานไว้สืบสกุล
•แต่ก่อนทองคำบาทละ 400
•อาจารย์รีบไปซื้อทองมาให้
•วันรุ่งขึ้นแม่เขาอุ้มลูกขึ้นมาหาย่า
qย่ากอดหลานชาย...
qสวมสายสร้อยให้เป่าหัวให้เสร็จ
qพอเด็กคนนี้โต พูดได้
qมีคนถามว่าสายสร้อยนี้ใครซื้อให้
qคุณย่าซื้อให้
qชี้มือไปที่คนตาบอด
qคนที่ใหญ่ที่สุดในบ้านคือคุณย่า
qไม่ใช่พ่อแม่
qเพราะเงิน 300 บาทนี่
qเสกให้คนตาบอดขลัง
qถ้าคุณย่าไม่มีเงิน
qจะรับขวัญหลานได้อย่างไร ?
qเห็นไหมครับ ?
qไม่ใช่ว่า.. พอโตขึ้น..
qมีคนถามว่า..
qคนนี้เป็นใคร..บอกว่า ...
qยายแก่ตาบอดนี่.. มาอาศัยพ่อแม่ฉันอยู่..
qเห็นหรือยังคุณทองคำ
qเงินเดือนๆ ละ 300 บาทนี่
qทำให้คนแก่ตาบอด กลายเป็นเทพเจ้า
q..สร้อยนี่ คุณย่าให้...
qวันดีคืนดีนะ คุณทองคำ
qแม่ครัว ล้างชามเสร็จ
q คุณย่าก็บอกให้มานวดขาให้
qแม่ครัวหน้ามุ่ย ทำงานเหนื่อยจะตายยังต้องมานวดให้อีก นั่งขยำ ๆ หน้าคว่ำ
qพอนวดเสร็จคุณย่าหยิบเงินให้ 30 บาท
qแม่ครัวยิ้มหน้าบาน
qยกมือไหว้ขอบคุณค่ะ
qวันรุ่งขึ้นพอล้างจานเสร็จรีบวิ่งมานั่งใกล้ๆ
qวันนี้นวด...อีกไหมคะ..คุณย่า
qเห็นไหมเงินเดือน300 บาท
qที่เราให้แม่เรานี่ มันมีฤทธิ์
qมีคน.. มายกมือไหว้
qมีคน มาปรนนิบัติ
qมีคน มานวดให้
qถ้าไม่มีเงินเดือนๆ ละ300 บาทนี้
qแม่เราจะมีฤทธิ์ได้อย่างไร
q...บันไดไปสวรรค์...
qวันหนึ่ง พระมาเรี่ยไร จะสร้างโบสถ์
qอาจารย์นิมนต์พระเข้ามาแล้วชี้มือ ...
qบอกมรรคทายก..ว่า..
qโน่นไปเรี่ยไรกับคุณย่าโน่น
qมรรคทายกบรรยายว่าจะสร้างโบสถ์...กว้างเท่านั้น..ยาวเท่านี้ สูงเท่าไร...สวยงามยัง...ราคาเท่าไร...
qคุณย่ายกหมอนขึ้น นับเงินมา 500 พนมมือ
qอธิษฐานขอให้ศาสนาของพระองค์ยืนยงไปอีก 5 พันปี นิพพานปัจโยโหตุ
qทำบุญ...สร้างโบสถ์ไว้เป็นมิ่งขวัญในพระศาสนา
q ตกลงเงินเดือน ๆละ 300 ที่เราให้
q เป็นบันไดพาแม่ไปสวรรค์
q“นี่ถ้าแม่ไม่มีเงินในมือ แม่จะได้ทำบุญไหม”
qพอพระให้พรเสร็จก็เดินผ่านไปบ้านถัดไป
qยายแก่บ้านโน้น กำลังเก็บผ้าอยู่หลังบ้าน
qมรรคทกยก ตะโกนข้ามรั้ว
qทำบุญสร้างโบสถ์ไหม คุณยาย
qสร้างที่วัดนครนายก
qนี่...หลวงพ่อมาด้วย มาบอกบุญเองเลย
qเดี๋ยวอีกสักครู่ วกกลับมาใหม่ได้ไหมล่ะ
qยายไม่มีเงินหรอก
qยายอาศัยลูกสาวเขาอยู่
qเดี๋ยวเผื่อลูกสาวเขากลับมาทัน
qจะขอเงินเขาทำบุญ
qยายแก่คนนี้ ไม่มีเงิน
qเพราะลูก เอามาเลี้ยงแปะๆ แมะๆ ไว้ข้างรั้วบ้าน
qเอาไว้คอยเก็บผ้า
“หยุดความเลวที่ไล่ล่าคุณ”
Sunday, October 4, 2009
รถเสียช่วยฟรี กด 1137
ช่วยกันบอกต่อๆ ไป รถเสียช่วยฟรี กด 1137
ชาวกรุงซึ้งน้ำใจ รถเสียช่วยฟรี 24 ชม. รถ เสียกลางกรุงไม่ต้องตกใจ กด 1137
เรียกใช้บริการช่างซ่อมอาสาได้ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง ตามโครงการ ' ปันน้ำใจช่วยเหลือ สังคม ' ช่วยป้องกันทั้งโจรในคราบพลเมืองดี และภัยสุภาพสตรีที่รถเกิดเสียกลางทาง
เผยคนยังเรียกใช้น้อย เพราะส่วนใหญ่ยังไม่ รู้จัก วอนรัฐช่วยส่งเสริมสนับสนุน ขณะที่ ผู้คนในสังคมต่างดิ้นรนเอาตัวรอด ส่งผลให้ผู้คนเห็นแก่ตัวมากขึ้นเสีย สละต่อผู้อื่นน้อยลง และไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวเรื่องของคนอื่น แต่ก็ยังมีผู้คนจำนวนหนึ่งแม้จะไม่มากนัก แต่ก็พร้อมจะทำงานที่เสียสละช่วยเหลือคนอื่น โดยไม่มุ่งหวังสิ่งตอบแทน อย่างกลุ่มคนในโครงการ ' ปันน้ำใจช่วยเหลือรถจอดเสียกลางทาง '
นายกฤตวิทย์ ศรีพสุธา เจ้าของโครงการ ' ปันน้ำใจช่วยเหลือรถจอดเสียกลางทาง ' กล่าวถึงที่มาโครงการนี้ ว่า
เห็นข่าวผู้หญิงรถเสียในเวลากลางคืนและเกิดปัญหาอาชญากรรมตามมา โดยพวกมิจฉาชีพคอยทำร้ายชิง ทรัพย์รวมไปถึงทำตัวเป็นพลเมืองดีในคราบโจรแล้วน่าเป็นห่วง
นอกจากนี้จากการสำรวจดู ยังพบว่า มีรถเก่าจอดเสียอยู่ข้างทางไกลบ้านและไม่มีใครดูแลจึงได้หารือกับ พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล ผบก.จร .. เพื่อหาทางแก้ไขให้ประชาชนมีที่พึ่ง เพราะเชื่อว่าในสังคมไทยยังมีคนดีอยู่อีก จำนวนมาก
บทสรุปที่ได้ คือ ให้ตำรวจแต่ละท้องที่จัดหาอู่ซ่อมรถ จัดซื้อรถลากรถยกไว้ให้บริการ โดยมีตำรวจโครงการพระราชดำริมาร่วมด้วยช่วย กัน
ปรากฏว่าเจ้าของอู่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยไม่คิดค่าแรง และบอกว่ายินดีให้ความร่วมมืออย่างเต็ม ที่ เพราะต้องการช่วยประชาชนอยู่แล้วแต่ ไม่มีโอกาส
นายกฤตวิทย์ กล่าวว่า เพื่อสร้างความ เชื่อถือในการปฏิบัติหน้าที่
จึง กำหนดให้เจ้าหน้าที่ที่ออกให้บริการต้องติดบัตรใส่ชุดฟอร์ม และไม่รับค่าตอบแทน
เพราะทุกคนทำด้วยใจรัก ' บริษัทได้ทำประกันอุบัติเหตุให้เป็นค่า ตอบแทน 1 ปี
ถึงขณะนี้การช่วยเหลือยังน้อยอยู่เดือนหนึ่งประมาณ 50-60 ราย
เฉลี่ยวันละ 4-5 รายแต่ในช่วงคืน ฝนตกจะมีคนเรียกใช้มากถึงวันละ 10 ราย '
ผู้ริเริ่มโครงการนี้กล่าวและยอมรับ ว่า โครงการ ' ปันน้ำใจช่วย เหลือรถจอดเสียกลางทาง '
ยังไม่เป็นที่แพร่หลาย เนื่องจากประชาชนที่ใช้รถใช้ถนนยังไม่ทราบว่ามีโครงการนี้
หากมีการประชาสัมพันธ์มากกว่าที่เป็นอยู่เชื่อว่าจะมีคนที่เดือดร้อนขอใช้ บริการมากกว่านี้
และน่าจะมีอู่ซ่อมรถยนต์มาร่วมช่วยเหลือมากขึ้น ' ถ้าผู้ใช้รถไม่ฟัง จส. 100 จะไม่ รู้ว่ามีโครงการนี้
อย่างไรก็ดียังมีประชาชนส่วนหนึ่งยังไม่เชื่อใจว่าจะช่วยเหลือจริงหรือเปล่า จะหวังอะไรหรือไม่ ถ้าทำอย่างโปร่งใส
คนจะเชื่อใจและใช้บริการมากขึ้นเราก็พร้อมจะขยายขอบข่ายการช่วยเหลือออก ไป
เพราะโครงการนี้ตั้งเป้าใช้งบไว้ 4 ล้านบาท แต่ทำจริงๆใช้เงินเพียง 1.69 ล้านบาทเท่านั้น '
นายกฤตวิทย์กล่าวและย้ำว่า คนที่ต้อง การความช่วยเหลือจากรถเสีย
กดโทรศัพท์แจ้งเรื่องได้ที่ 1137