Friday, November 28, 2008

คุณเรียกใครว่าเพื่อน

ชีวิตเราๆ ต้องเจอะเจอผู้คนมากมาย
ทั้งที่ด้วยความจำใจ จำยอม จำเป็น บังเอิญ และด้วยความพอใจ
แต่ถึงยังไง เราก็เลือกที่จะเสวนาหรือไม่เสวนากับใครก็ได้ มันเป็นสิทธิส่วนบุคคล
ถ้าอย่างนั้นลองวาดภาพตาม..
คุณเป็นเด็กนักเรียนใหม่ที่เพิ่งย้ายเข้ามา ณ โรงเรียนแห่งนี้
คุณไม่รู้จักใคร คุณไม่รู้จักอะไรเลย
แต่ด้วยระบบของโรงเรียน ทำให้คุณเข้าไปเรียนอยู่ในห้องเรียนห้องหนึ่ง
มีนักเรียนในห้องอยู่เกือบครึ่งร้อยชีวิต และแล้ว
อาจารย์ที่ปรึกษาก็แนะนำคุณให้กับนักเรียนในห้องนั้น
และบอกว่า "ดูแลเพื่อนด้วย"
มันอาจไม่ใช่ประโยคที่แปลกอะไร แต่..ใครเป็นเพื่อนของคุณ?
และคุณเป็นเพื่อนของใคร?
มันจะไม่แปลกใช่ไหม ถ้าคุณอาจจะถูกทอดทิ้งให้ฝึกพูดบทสนทนาภาษาอังกฤษ
เพียงลำพังในคาบวิชาภาษาอังกฤษ ขณะที่นักเรียนคนอื่นๆ ในห้องจับกันเป็นคู่ๆ
ก็ยังไม่มีใครบอกว่าเป็นเพื่อนคุณสักหน่อย
แล้วมันเป็นหน้าที่ของใครล่ะ ที่จะต้องมาดูแลคุณ
แต่คุณก็ไม่ละความพยายามหรอก ในเมื่อคุณเป็นนักเรียนใหม่
คุณก็เลยเดินเข้าไปหาคู่สนทนาเองเลย
คุณแนะนำชื่อคุณ บอกว่าย้ายมาจากโรงเรียนอะไร ทำไมถึงย้ายมาในช่วงนี้
เล่าประวัติส่วนตัวคร่าวๆที่คุณคิดว่าคนที่จะเป็นเพื่อนคุณควรจะรู้
คนๆนั้นก็บอกชื่อของเขากับคุณและยิ้มให้
ชวนคุยเป็นมารยาท และอาจเดินจากคุณไป
ถ้าคุณคิดว่าคุณได้เพื่อนหนึ่งคน
*เพื่อน* คำนั้นของคุณแปลว่า *คนรู้จัก*
บางทีคำว่า *คนรู้จัก* เนี่ย ก็แปลได้หลายความหมายเหมือนกัน
..อาจแปลว่าเขาและคุณรู้จักกัน หรือเขารู้จักคุณ หรือไม่ก็ คุณรู้จักเขาอยู่ฝ่ายเดียว
มันเป็นสิ่งที่ธรรมดาหรือแปลกประหลาดก็ไม่อาจบอกได้
ทุกวันนี้แค่เพียงคุณแนะนำตัวเองต่อกันและกัน
คุณก็สามารถเป็นเพื่อนกันได้ภายในเวลาไม่เกิน 30 วินาที!
...โดยทั้งสองฝ่ายต่างก็เออออห่อหมกว่า

โอเค เรารู้ชื่อของกันและกัน และเราก็ยิ้มให้กัน ดังนั้นเราเป็นเพื่อนกัน
..สมการการถ่ายทอดของคนรุ่นใหม่ คำว่า *เพื่อน* คำนี้
คงน่าสมเพชมากกว่าคำว่า *คนรู้จัก* ซะอีก
..อย่างดีคุณก็แค่จับคู่ของชื่อกับหน้าเจ้าของได้ถูก
..อย่างแย่ คุณก็จำไม่ได้เลยว่าเคยพบเจอคนๆนั้นมาก่อน
ถ้าเพียงแค่ลองลงท้ายคำแนะนำตัวว่า..
"ให้เราเป็นเพื่อนด้วยคนนึงนะ"
คุณคิดว่าไง? ..เคยมีคนพูดประโยคนี้กับคุณไหม? ...ประโยคที่ยกย่องคุณ
ขอให้ตัวเองได้เป็นส่วนนึงในชีวิตของคุณ
ได้ทำอะไรร่วมกับคุณ ได้ร่วมทุกข์ ร่วมสุขกับคุณ
ถ้าไม่มีก็คงไม่แปลก (ตามสมการการถ่ายทอดของคนรุ่นใหม่)
แต่ถ้ามี หรือกำลังจะมีล่ะ?
คุณคิดว่าประโยคคำพูดสั้นๆ ธรรมดาๆ ที่เด็กอนุบาลพูดกัน จะทำให้คุณรู้สึกยังไง?
มันไม่ใช่คำพูดที่ว่า -เป็นเพื่อนเราหน่อยนะ-
..คำพูดที่เอาตัวเองเป็นหลักแล้วก็ถูลู่ถูกังเอาคนอื่นมายินยอมด้วย
สองประโยคนี้คำตอบอาจไม่ต่างกัน
..คงไม่มีคนตอบว่า ไม่ได้หรอก
เราไม่อยากเป็นเพื่อนเธอ อะไรประมาณนั้นตามมารยาท
แต่ความรู้สึกจากคำพูดมันต่างกันจริงไหม
ทุกวันนี้คุณอาจบอกว่า คุณได้เพื่อนมามากพอแล้ว
และเพื่อนคุณก็เป็นเพื่อนสนิท เป็นเพื่อนที่ดี เป็นเพื่อนที่จริงใจ
สารพัดคุณสมบัติที่ทำให้คุณทำทุกอย่างเพื่อเพื่อน(หลาย)คนนี้ได้..
แต่ยังมีคนที่ไม่มีเพื่อนสนิทแบบคุณ
คนที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมและพร้อมที่จะเป็นเพื่อนแท้กับคนที่เขาถูกชะตาด้วย
เพียงแค่เขายังไม่เจอกับคนที่เขาถูกชะตา
ซึ่งคนๆนั้นอาจเป็นคุณ ถ้าเพียงคุณเปิดใจรับเพื่อนอีก
..อย่างน้อยคุณก็ได้เพื่อนอีกคน และเขาก็ได้เพื่อนอีกคน
..และอย่างมากที่สุด คุณก็ได้เพื่อนแท้มาอีกคน
"ดูแลเพื่อนด้วย"
คงเป็นอีกประโยคหนึ่ง ที่จะสามารถเรียกความซึ้งใจออกมาได้

No comments: