Friday, November 28, 2008

108 อวัยวะสาระพัดประโยชน์

หน้าผาก + อวัยวะที่ใช้ประกอบกับเท้าเวลามีทุกข์
เช่นนอนเอาเท้าก่ายหน้าผาก
ผม + เรียกอีกอย่างว่า "ขนหัว"
ใช้แสดงอาการตกใจมากๆ เช่น
ขนหัวลุก
ตา + อวัยวะที่ใช้ในการมอง
จะมีอุณหภูมิสูงมากเมื่อเห็นใครได้ดี
หู + อวัยวะที่ใช้ในการฟัง
ส่วนมากจะมีน้ำหนักเบา
จึงก่อให้เกิดเรื่องขึ้นบ่อยๆ
ปาก + อวัยวะที่ใช้พูด
ส่วนมากจะอยู่ไม่ตรงกับใจ
คอ + อวัยวะที่เชื่อมระหว่างตัวและหัว
เป็นอวัยวะที่คอยหันหาคนอื่น
ก้านคอ + อวัยวะที่คอยรับแข้งคนอื่น
ไหล่ + อวัยวะที่คู่กับบ่า
เช่นเคียงบ่าเคียงไหล่
มีไว้ให้คนเหงาใจหรือเศร้าใจซบโดยเฉพาะ
บ่า + อวัยวะที่คู่กับไหล่
เช่นเคียงบ่าเคียงไหล่
อาชีพจับกังมีไว้แบกข้าวสาร (ส่วนถนนข้าวสาร
จับกังไม่เกี่ยว)
หัวใจ + อวัยวะสูบฉีดเลือดและฟอกเลือดให้กับร่างกาย
มีไว้ให้แสดงความรักและเก็บรักไว้
ปอด + อวัยวะที่รับอากาศมาส่งหัวใจ
บางครั้งใช้แสดงระดับความกล้าหาญ
หน้าอก + อวัยวะที่รองรับเรื่องหนัก
อาทิเรื่องหนักอก
ซึ่งผู้หญิงจะหนักกว่าผู้ชาย
นม + อวัยวะที่บ่งบอกภาระการรับน้ำหนักของอก
ผู้หญิงมีไว้บริการนมให้บุตร
ผู้ชายถึงมีก็ไม่ได้ใช้ให้เกิดประโยชน์
แต่ก็ไขว่คว้าอยากได้มาเชยชม...

ศอก + ข้อต่อระหว่างแขนและข้อมือ
มีไว้เป็นอาวุธประจำกาย
และรองน้ำ
สำหรับบรรดาภรรยาน้อย
ไม่เป็นที่แนะนำสำหรับสาวๆ มันอันตราย
มือ + เป็นอวัยวะปลายสุดของแขน
มีนิ้วเป็นส่วนประกอบ
นิยมใช้เงินยกเห็นกันมากในสภา
กำปั้น + เป็นอวัยวะชิ้นเดียวกับมือ
แต่เปลี่ยนรูปเป็นอาวุธ
นิยมใช้ตัดสินปัญหา ในกรณีที่ไม่ได้ใช้สมองแก้ปัญหา
ตัว + เป็นชิ้นส่วนใหญ่ของร่างกายให้อวัยวะอื่นได้พักพิง
จะลืมกันมากเวลาได้ดี
สะดือ + เป็นอวัยวะที่ใช้เชื่อมต่อกับแม่ยามอยู่ในครรภ์
เมื่อโตขึ้นใช้วัดระดับความสุภาพ ถ้าต่ำกว่านี้ทะลึ่ง!!
ขาอ่อน + เป็นอวัยวะเชื่อมต่อจากสะโพกลงมา
นิยมใช้ในการประกวด เพราะเห็นได้เด่นชัดกว่าสมอง
หัวเข่า + ข้อต่อระหว่างขาและหน้าแข้ง
เป็นอาวุธประจำกาย
ผู้หญิงใช้โจมตี .จุดอ่อนผู้ชาย
และบางคนใช้ซับน้ำตาเวลาเศร้า
นิยมมากสำหรับคนหลงรักชาวบ้าน
แข้ง + อวัยวะที่ถัดมาจากเข่า
นิยมใช้พาดก้านคอ...
น่อง + อวัยวะที่อยู่ด้านหลังของแข้ง
ใช้วัดระดับความแข็งแรงของขา
และวัดความกร้านชีวิต
ขนหน้าแข้ง + อวัยวะที่วัดระดับของฐานะ
ยิ่งรวยมากขนหน้าแข้งจะร่วงน้อย
เท้า + เป็นอวัยวะที่ใช้ยืน
บางครั้งใช้ก่ายหน้าผาก
หรือเป็นอวัยวะที่ใช้ผลัก ซึ่งเรียกกันโดยทั่วไปว่า "ยัน"

No comments: