Friday, November 28, 2008

เพียงความทรงจำ

แสงไฟติดๆดับๆจากเสาไฟฟ้าข้างทาง

อาจทำให้คนที่เดินผ่านไปมาเห็นสมุดเล่มหนึ่งซึ่งตกอยู่ระหว่างกอหญ้า

ที่เกิดจากที่ดินรกร้างข้างฟุตบาท

แต่ไม่เคยมีใครสักคนคิดจะหยิบมันขึ้นมา

ปล่อยให้สมุดที่เคยสีสันสดใสเล่มหนึ่งนอนอยู่กับกอหญ้า

ผ่านลมและฝนมานานพร้อมกับรอยหมึกคำสัญญาที่นับวันยิ่งเลือนลาง

เพราะน้ำฝน...

แต่ฝนไม่สามารถลบเลือนคำสัญญาจากจิตใจคนๆหนึ่งได้

ชีวิตของเด็กมัธยมปลายทุกคนคงไม่สามารถหลีกหนีไปจากเรื่อง

เพื่อน ความฝัน ความรัก เอ็นทรานซ์ ไปได้

และทั้งหมดนี้คือที่มาของเรื่องราวของผมที่เริ่มต้นที่ห้องเรียนศิลปะ...

ผม บอม กบ ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกันมาตั้งแต่

ม.ต้นได้มาอยู่ห้องเดียวกันในชั้นม.4

คงเป็นเหตุการณ์นั้นที่ทำให้พวกเราได้รู้จักกับนุ่น

"นี่เธอ...เธอ..ยืมของเราก็ได้นะ" บอมพูดพร้อมกับยื่นดินสอ 2b ให้ 1 แท่ง

เธอก็รับไปพร้อมด้วยรอยยิ้มและเหล็กดัดฟันกลับมา

รอยยิ้มที่เราได้เห็นทำให้พวกผมนึกไปถึงรอยยิ้มของน้องสาวตัวเล็กๆน่ารักคนหนึ่ง

หลังจากหมดชั่งโมงศิลปะ พวกผมอาสาพาเธอไปกินข้าวที่โรงอาหาร

และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเธอก็เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มพวกผม

พร้อมกับความแปลกใจของหลายๆคนที่เห็นเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง

นั่งอยู่ในกลุ่มของเด็กผู้ชายที่กำลังคุยกันเสียงดังด้วยคำสบถต่างๆ

ซึ่งเป็นคำธรรมดาในความคิดของเด็กผู้ชาย ..

จากวันป็นเดือน......จากเดือนเป็นปี....

เมื่อเพื่อนคบกันมานานก็ย่อมรู้ใจกัน...

และเริ่มรับรู้บางอย่างในวันที่นุ่นตัดผมสั้นมาใหม่

"เฮ้ยนี่แกอะไรเข้าฝันวะ" ผมพูด

"อี๋...ทรงเก่าดีกว่าแยะเลย" กบพูดพร้อมกับเสียงหัวเราะจากทุกคน

"แต่เราว่าน่ารักดีนะ" บอมพูด

คำๆนี้ของบอมทำให้หน้าขาวๆของนุ่นแดงขึ้นมา

ตั้งแต่เราเริ่มสังเกตุจากวันนั้นเราก็รู้ว่าคำพูดของบอมมีอิทธิพลกับนุ่นมาก

และรู้ว่านุ่นต้องแอบปลื้มบอมไม่มากก็น้อย

แต่ไม่เคยมีคำว่ารักคำใดๆเกิดขึ้นในกลุ่มเพื่อน

ณ.โต๊ะประจำกลุ่มของเรา "ขนมมาแล้วจ๊ะ"

เสียงใสๆของนุ่นที่มาพร้อมกับขนมหลายถุงที่ถือเดินคู่มากับบอม

(การซื้อขนมเลี้ยงของนุ่นมักเป็นกิจวัตรประจำ

พวกเราเคยปฎิเสธเพราะพวกผมยังไม่รู้ว่านั่นมาจากเงินเล็กน้อยของคุณหนูนุ่นนั่นเอง)

ขณะที่กินขนมอยู่นั้นนุ่นถามถึงอาชีพในอนาคตของทุกคน

ผม กับ กบ ยังไม่ได้คิดอะไรถ้า เอ็น ติดอะไรก็เรียนไป

ความฝันของบอม คือ เข้าเรียนเศรษฐศาสตร์ที่ธรรมศาสตร์

และเป็นนักวิเคราะห์การเงินเหมือนพ่อของเขา

ความฝันของนุ่นที่ต้องการเป็นนักสังคมสงเคราะห์ช่วยเหลือเด็กไม่ทำให้พวกผมแปลกใจเลย

เพราะการชอบช่วยเหลือผู้อื่นและมองโลกในแง่ดีที่เป็นนิสัยของเธอ

สิ่งที่เรารู้กันเลยก็คือนุ่นต้องอยากเรียนสังคมสงเคราะห์ที่ธรรมศาสตร์แน่นอน

เมื่อนุ่นพุดจบบอมก็หยิบสมุดจดศัพย์ภาษาอังกฤษของนุ่นที่วางอยู่มา

เปิดไปหน้าสุดท้ายของสมุดแล้วเขียนว่า...

เราสองคนจะต้องเป็นลูกแม่โดมให้ได้นะ.....ลงชื่อ....บอม ...

สิ่งที่เราเห็นต่อมาคือรอยยิ้มของนุ่นพร้อมกับหน้าแดงนาน 2-3นาที.

ยิ้มน่ารักมากกว่าสิ่งใดๆ............

วันแรกของม.6ไม่มีอะไรมากนอกจากการฉลองที่นุ่น

ได้อนุญาติให้ไป-กลับโรงเรียนเองเหมือนนักเรียนทั่วไป

ซึ่งเป็นสิ่งที่นุ่นต้องการมาตลอด 4-5 ปีที่แม่คอยรับคอยส่ง..

วันนี้ผมได้เห็นอาการดีใจของคนที่ได้รับสิ่งที่ผมเรียกมันว่า

....."อิสรภาพ".........

ชีวิตของนักเรียนม.6 หลายๆคนคงไม่พ้นการเรียนพิเศษต่อตั้งแต่ 5 โมง-2 ทุ่ม

แต่การที่ได้เรียนกับเพื่อนรักของผมทำให้ผมไม่เคยคิดเหนื่อยหรือท้อแท้เลย

โต๊ะ 4 ตัวหลังสุดเป็นที่รู้กันว่าเป็นโต๊ะของกลุ่มผมขณะที่พวกเรากำลังนั่งคุยรออาจารย์อยู่นั้น

บอมได้ชี้ไปที่นักเรียนหญิงใส่ชุดuniformแขนยาว หน้าตาสวยมากคนหนึ่ง

พร้อมพูดว่า "นี่ดูผู้หญิงคนนั้นสิเราชอบเขามากเลยนะ"

ตั้งแต่วันนั้นผู้หญิงคนนั้นก็เป็นประเด็นสนทนาในกลุ่มอีกบ่อย

แต่ทุกครั้งที่พูดถึงผู้หญิงคนนั้นผมรู้สึกว่านุ่นมีความรู้สึกแปลกๆที่ไม่แสดงออกมา

จนผมคิดว่าต้องให้บอมถามให้ได้ว่าเป็นอะไรเพราะเขาสองคนสนิทกันมากที่สุด

แต่บอมก็ไม่เคยสงสัยและถาม

สักพักผมเลิกสนใจกับสิ่งนี้เพราะผมก็แค่ผู้ชายที่ไม่เคยคิดจะเข้าใจความรู้สึก

นึกคิดของผู้หญิง

เวลาที่พวกผมได้ผักผ่อนมากที่สุดจากการเรียนคงเป็นตอนหลังเลิกเรียนพิเศษ

ซึ่งพวกผมจะเวียนไปฝากท้องตามร้านต่างๆ

หลังจากนั้นก็มักไปเล่นเกมส์ เกมส์ประจำตัวของผมคือ daytona

ของกบชอบเล่น dj โดยเฉพาะตอนมีสาวๆมองเยอะจะออกลีลาเป็นพิเศษ

เครื่องตู้เกมส์ เตอติส ที่อยู่หลังร้านเหมือนเป็นเกมส์ที่สร้างมาเพื่อบอมและนุ่น

ผมได้เห็นทั้งคู่เล่นด้วยกัน เล่นแข่งกันได้

ดูเวลาที่เขาแกล้งกัน นุ่นมักปัดมือของบอมให้ออกจากจอยเกมส์เป็นประจำ

เวลาที่ทั้งคู่เล่นแข่งเพราะบอมเป็นคนที่เล่นเก่งมาก

แต่บอมก็ชอบและไม่เคยเห็นบอมโกรธนุ่นสักครั้งเวลาที่นุ่นคอยแหย่คอยกวน

ผมคิดว่าทั้งคู่คงมีความสุขมากที่ได้อยู่ใกล้ๆกัน

พลางคิดไปถึงคำพูดใน หนัง รักออกแบบไม่ได้ ที่ว่า

"เป็นเพื่อนกันดีที่สุดจะได้คบกันนานๆ"

แต่สำหรับสำหรับคู่นี้ผมนึกภาพไปถึงตอนที่ทั้งคู่เป็นคนชราคู่หนึ่ง

ที่ใช้เวลาบั้นปลายชีวิตนั่งนับดาวบนท้องฟ้าด้วยกันและต่อเติมความสุขซึ่งกันและกัน

ทุกครั้งที่มองคู่นี้อยู่ด้วยกันผมคิดว่าเค้ากำลังร่วมสร้างและต่อเติมความรักซึ่งกันและกันอยู่

แม้เพื่อนสนิทอย่างผมจะแซวว่าทั้งคู่ไม่เหมือนแค่เพื่อนสนิทเท่านั้นนะคู่นี้

แต่ว่าสิ่งที่ผมเห็นคือรอยยิ้มของทั้งคู่พร้อมอาการเขิน

และสายตาของนุ่นที่หันไปมองบอม แล้วทั้งคู่ก็ช่วยกันปฎิเสธ

แล้วนุ่นก็มักจะพูดว่า"พวกนี้เนี่ยไม่พูดด้วยแล้ว"

พรอ้มกับหันหลังเดินไปซื้อขนมและบอมก็เดินตามติดๆกันไป

วันศุกใกล้ปิดคอร์สเรียนพิเศษภาษาอังกฤษเมื่อพวกเรามาถึงที่เรียนพิเศษปรากฏว่า

ไฟดับโรงเรียนจึงนัดชดเชยให้วันอื่น

วันนี้จึงไม่ค่อยได้เรียนเพราะวันศุกที่โรงเรียนมีเรียนแค่2วิชา

พวกเราจึงถือสมุดหนังสือไปเรียนเพียงไม่กี่เล่มหลังจากนั้นพวกเราจึงไปเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้า

วันนี้นุ่นผิดปกติดูซึมๆตั้งแต่เช้า พวกเรารบเร้าเท่าไหร่ก็ไม่บอก

ขณะที่เดินเล่นกันอยู่บอมได้จับหน้าผากของนุ่น

บอมตกใจมากเพราะนุ่นตัวร้อนจัด

บอมจึงพูดว่า"นุ่นเธอตัวร้อนมากนะกินยาอะไรหรือยัง?"

"ปวดหัวนิดหน่อยไม่เป็นไรหรอก" นุ่นตอบ

พวกผมจึงรบเร้าให้นุ่นรีบกลับไปผักผ่อนที่บ้านและตัดสินใจให้บอมเดินไปส่งนุ่นขึ้นtaxi

โดยผมกับกบจะไปรอที่food center

ก่อนที่ผมจะแยกย้ายกับนุ่น บอมแซวนุ่นว่า

"นี่ไม่สบายขนาดนี้ยังไม่ยอมนอนพักอยู่บ้านอีก"

"ก็ฉันเป็นเด็กขยันนะซิจ๊ะ" นุ่นตอบพร้อมกับยิ้มมา

"ดูนุ่นสิหน้าเหมือนคนจะตายอยู่แล้วยังยิ้มออกอีก"

บอมพูดไปโดยไม่รู้ว่ารอยยิ้มนี้จะเป็นรอยยิ้มที่พวกผมจะไม่มีวันลืม

สำหรับผมเหตุผลเดียวที่นุ่นมาเรียนวันนี้คือการที่ได้มานั่งเรียนพิเศษข้างๆบอม

หลังจากผมแยกย้ายกับนุ่นบอมก็เดินไปส่งนุ่นขึ้นtaxi กลับบ้าน

.......เอี้ยด.....ปัง......อัก......

รถบบรทุกคันหนึ่งวิ่งคร่อมเลนมาชนกับtaxiคันหนึ่งที่วิ่งมาด้วยความเร็วค่อนข้างสูง

ร่างของผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยกระเด็นกระแทกกระจกรถออกมาตกลง

บนพื้นและไถลไปข้างหน้าอีก7-10 เมตร

สมุด หนังสือ ดินสอกระจัดกระจายอยู่บนถนนบ้างบนทางเท้าบ้าง

กล่องดินสอ มือถือแตกเป็น 2 ส่วน

พลเมืองดีผู้หนึ่งอุ้มร่างที่เต็มไปด้วยเลือดและบาดแผลไปส่งโรงพยาบาล

เช้าวันเสาร์ ณ ที่เรียนพิเศษวิชาคณิตพวกผมรู้สึกแปลกใจที่นุ่นมาเรียนสาย

เพราะปกตินุ่นจะมาเป็นคนแรก

แต่พวกผมก็คิดว่านุ่นคงยังไม่ค่อยสบายและผักผ่อนอยู่ที่บ้าน

แต่ขณะที่เริ่มเรียนไปได้15นาที เพจของบอมก็ดังขึ้น

พรอ้มกับข้อความจากแม่ของนุ่นที่ว่า ตอนนี้นุ่นอยู่ห้อง ICU โรงพยาบาลเปาโล

ต้องการพบบอมด่วน

เมื่อพวกผมอ่านข้อความนี้จบก็เดินออกจากห้องทันทีมารู้ตัวอีกทีก็คือเห็นรอยช้ำ

ของขอบตาที่เกิดจากการร้องไห้ของแม่ของนุ่น

พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่ยอมหยุดที่หน้าห้องICU

เมื่อเราเดินเข้าไปในห้องหมอบอกพวกผมว่านุ่นเสียเมื่อ 5 นาที ที่แล้ว

พวกผมเหมือนตกอยู่ในภวัง น้ำตาเริ่มไหลออกมาจากทุกคนที่เรียกตัวเองว่าลูกผู้ชาย

ทุกคนยืนร้องไห้อยู่ข้างๆเตียงของนุ่น

ไม่มีสักคนเปิดผ้าที่คลุมร่างที่ไร้วิญญาณของนุ่นดูเพราะทุกคนรู้ดีว่านุ่นไม่ต้องการ

ให้ใครเห็นนุ่นในสภาพอย่างนี้แน่

เหตุการณ์นี้แม้ว่าผมจะเสียใจมากแต่ยังไงก็คงไม่เท่าบอมเพราะทุกคนรู้ดีว่าบอมเสียใจมากที่สุด

แต่บอมก็เก่งมากเพราะหลังจากนั้นอาทิตย์หนึ่งก็ไม่เห็นบอมร้องไห้อีก

ขณะนั่งเรียนวิชาคณิตในคาบที่ 7 หลังจากงานฌาปณกิจนุ่น 2 วัน

แม่ของนุ่นได้ขออนุญาตอาจารย์เดินเข้ามาหาบอมในห้องและพูดว่า

" ในห้องICU ก่อนที่นุ่นจะสิ้นใจนุ่นบอกกับแม่ให้นำ diary เล่มนี้มาให้บอมให้ได้"

แล้วแม่ของนุ่นก็ยื่นถุงกระดาษที่ข้างในมี diary เล่มหนึ่งมาให้

หลังจากหมดคาบผมและบอมได้หยิบ diary ขึ้นมา

มันเป็น diary เล่มสีชมพู ที่นุ่นใช้เขียนความคิดและความฝันต่างๆของนุ่น

ชื่อของบอมมีอยู่ใน diary ของนุ่นทุกหน้าตั้งแต่วันที่เธอได้พบกับบอมที่ห้องศิลปะ

เมื่อพลิกกลับมาช่วงกลางเล่มน้ำตาของบอมก็หยดลงบนรูปๆหนึ่งที่นุ่นวาดขึ้นใน diary

เป็นรูปนุ่นกับบอมที่ยืนยิ้มโดยนุ่นยืนกอดแขนบอมอยู่และทั้งคู่ใส่ชุดนักศึกษา

มหาลัยธรรมศาสตร์

"ทำไมนุ่นไม่รู้ล่ะว่าเรารักเค้ามากขนาดไหน"

บอมพูดเมื่ออ่าน diary และได้รู้ว่านุ่นรอคอยคำว่ารักจากบอมอยู่

และเมื่อช่วงหนึ่งใน diary จึงได้รู้ว่า

นุ่นเข้าใจผิดว่าบอมไปรักผู้หญิงคนหนึ่งที่บอมชี้ให้พวกเราดู ณ ที่เรียนพิเศษ

สิ่งต่อมาที่ผมได้รู้ก็คือ นุ่นไม่เคยเข้าใจสิ่งที่บอมพูดเสมอในกลุ่ม

ว่า รัก กับ ชอบ นั้นแตกต่างกันมาก

ผมได้แต่นึกเสียดายที่บอมไม่ยอมพูดความรู้สึกของตัวเองให้นุ่นได้รับรู้

ได้แต่ปล่อยให้นุ่นคิดไปต่างๆนาๆ

เพราะถ้าบอมได้พูดและอธิบายความรู้สึกของตัวเองนุ่นก็คงจากไปอย่างมีความสุขกว่านี้

ก่อนการเร่งสอบปลายภาคไม่กี่วัน เพื่อให้เวลานักเรียนอ่านหนังสือเตรียมเอ็นครั้งที่2

ขณะที่ทุกคนกำลังนั่งคุยกัน กบได้ตะโกนถามเพื่อนๆทุกคนว่า

ถ้าตอนนี้มีพรวิเศษขออะไรก็ได้สิ่งหนึ่งจะขออะไร

คำตอบที่ได้ก็แตกต่างกันไป บ้างขอให้ หล่อ รวย สวย เอ็นติด ทุกคนตอบต่างๆกันไป

เมื่อกบหันมามองหน้าบอมทุกคนก็หันมาเหมือนจะรอคำตอบจากบอม

"เราขอแค่ได้พบนุ่นอีกครั้งแล้วเราจะบอกเค้าว่าเรารักเค้ามากขนาดไหน"

บอมตอบมาพร้อมๆกับน้ำตาที่ค่อยๆคลอออกมา

หลังที่บอมพูดจบเพื่อนในห้องหลายคนหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาของตน

วันนั้นผมจึงได้รู้ว่า นุ่นยังคงอยู่ในใจของบอมอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง

วันที่ผมได้รู้อานุภาพของความรักก็คือวันประกาศผลเอ็น

เรานัดเปิดซองจดหมายผลสอบพร้อมกันที่บ้านของกบ

กบติด ม.เชียงใหม่ ผม ติด ที่ประสานมิตร

แต่สิ่งที่ทำให้ผมตกใจมากคือ คนที่ได้คะแนน60

กว่าเกือบทุกวิชาไม่ติดเศรษฐศาสตร์ได้อย่างไร

แต่คำอธิบายของบอมก็ทำให้ผมรู้ว่าบอมทิ้งความฝันที่จะเป็นนักการเงินของเขา

มาเรียนสังคมสงเคราะห์เพื่อเดินตามความฝันของนุ่น

ทำให้ผมได้เห็นความรักที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของคนๆหนึ่ง

ความฝันของบอมเปลี่ยนเป็นการได้สร้างสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า

และได้นำชื่อณัฐธิดาที่เป็นชื่อจริงของนุ่นมาตั้งเป็นชื่อสถานเลี้ยงเด็ก

เพื่อเป็นอนุสรณ์ของผู้หญิงจิตใจดีงามคนหนึ่งที่เค้าได้เคยพบเจอในชีวิต

คนที่ไม่รู้จักบอมดีจะมองเค้าเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ปิดตัวเองไม่ยอมเปิดใจให้ใคร

แต่สำหรับผมรู้ดีว่าใครอยู่ในหัวใจของเขาตลอดเวลา ........

ในเวลาโพล้เพล้สายลมลมพัดเมฆมาก่อตัวรวมกันจนกลั่นป็นเม็ดฝนลงมาสู่ดินทุกหนแห่ง

ลมพัดเข้ามาในหัองผมอย่างแรง ทำให้กรอบรูปที่มีรูปถ่ายของพวกเราอยู่ คว่ำด้านหน้าลง

ผมหยิบมันพลิกขึ้นวางที่เดิม

และมองไปที่รูปนั้น อีกครั้งหนึ่งที่มันทำให้ผมนึกถึง ..เธอ....

เธอ... ผู้ที่ทำให้พวกผมรู้ได้รู้ว่าคนดัดฟันกินอาหารบางอย่างไม่ได้ ..

เธอ... ผู้ที่ทำให้พวกผมได้หัดฟังเพลงค่าย DOJO CITY

เธอ... ผู้ที่แนะนำให้พวกผมมองโลกในแง่ดี และออกไปต่อสู้กับปัญหา

เธอ... ผู้ที่นำความงดงามของจิตใจเธอมาให้พวกผมได้สัมผัส

เธอ... ผู้ที่มาเปลื่ยนแปลงชีวิตของพวกผม

เธอ... ผู้ที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับมา

ฝนยังคงกระหน่ำลงบนถนนสายหนึ่ง

เม็ดฝนกระหน่ำลงมาปานจะฉีกสมุดที่อยู่ในดงหญ้าข้างๆ ทางเท้าเล่มหนึ่งยุ่ยขาดเป็นส่วน

แม้จะผ่านลมฝนลมหนาวมานานเท่าใดแต่สมุดเล่มนี้ก็ยังคงอยู่ที่เดิม

พร้อมกับรอยหมึกคำสัญญาที่ไม่อาจเป็นจริงได้เพราะคนๆ หนึ่งได้จากไปแล้ว .....

"รัก" บางคนคิดว่าเป็นความรู้สึกที่ไม่จำเป็นต้องพูด

แต่ผมอยากให้คุณรู้ว่ามีบางคนใช้ชีวิตเพื่อเสาะหาและรอคอยคำๆนี้จากปากคุณอยู่

เมื่อคุณมั่นใจแล้วคุณควรที่จะพูดออกไป

ดีกว่าที่จะต้องมานั่งเสียดายและเสียใจเพราะว่าวันนี้เป็นวันที่

...สาย...เกิน...ไป....

No comments: