Friday, November 28, 2008

ทางดำเนินชีวิต

วันนี้คุณคิดได้หรือยัง ว่าจะเลือกดำเนินชีวิต แบบไหน

ชายสูงอายุผู้หนึ่งเปิดลิ้นชักตู้ของภรรยา
แล้วหยิบของสิ่งหนึ่งซึ่งห่อด้วยกระดาษฟางออกมา
แล้วรำพึงขึ้น เบาๆ ว่า "นี่ไม่ใช่เพียงแค่ อะไรสักอย่างหนึ่ง... หากแต่เป็นชุดชั้นในสตรี"
เมื่อเขาแกะกระดาษห่อออก จึงเห็นผ้า ไหมสวย ๆ และฝีมือการตัดเย็บที่ประณีต
"เราซื้อเมื่อครั้งไปเที่ยวนิวยอร์กด้วยกัน เป็นครั้งแรกสักแปดปี หรือเก้าปีก่อนกระมัง
เธอไม่เคยได้ใช้มันเลย เพราะตั้งใจเก็บไว้สวมประณีตในโอกาสพิเศษ...
ซึ่งฉันก็คิดว่าโอกาสนั้นมาถึงแล้ว"

เขาเดินเข้าไปใกล้เตียงนอน วางชุดชั้นในนั้นร่วมกับข้าวของอื่น ๆ
ที่เขาจะนำไปที่ สุสาน
.. ใช่แล้ว... ภรรยาของเขาเพิ่งจากไป
แล้วชายสูงอายุผู้นั้นก็หันหน้ามาที่ผมพร้อมกับพูดว่า
"โปรดอย่า เก็บสิ่งใดๆ ไว้ใช้ในโอกาสพิเศษ ขอให้ถือว่าทุกๆ วัน ที่กำลังผ่านไปเป็นวันที่มีความหมาย"

ผมกำลังนึกถึงคำพูดของเขา คำพูดที่ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของผม
ทุกวันนี้ผมอ่านหนังสือมากขึ้น
พยายามเลิกวุ่นวายกับเรื่องความเป็นระเบียบเรียบร้อย ผมนั่งลงตรงระเบียง
และชื่นชมทิวทัศน์ โดยไม่ ใส่ใจกับวัชพืชในสวนเนี๊ยบ
ใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับครอบครัว เพื่อนฝูง และทำงานให้น้อยลง
ผมเพิ่งมาเข้าใจว่า
ชีวิตนั้นเป็นผลพวงมาจากประสบการณ์ที่เราควรจะแสวงหาความเพลิดเพลิน
มิใช่เพียงแค่การดำรงชีพไปวัน ๆ ผมจึงเลิก เก็บสิ่งหนึ่งสิ่งใดไว้
นึกจะใช้อะไรก็หยิบออกมาใช้ ทุกวันนี้ผมใช้แก้วคริสตัลเป็นกิจวัตร
ขณะที่ใส่เสื้อคลุมตัวใหม่ไปจับจ่ายซื้อของ ในซูเปอร์มาร์เก็ต

ก่อนหน้านี้ผมจะใช้น้ำหอมอย่างดีเฉพาะในโอกาสสำคัญเท่านั้น.. .แต่ตอนนี้
คำว่า "วันหน้า"
ดูเหมือนจะเลือนหายไปจากผมโดยปริยาย...อะไรก็ตามที่มีคุณค่าต่อการฟังการชม
หรือการกระทำ ผมเป็น อันต้องขอฟัง ชม หรือขอทำในขณะนั้นเลยทีเดียว
ผมไม่แน่ใจว่าภรรยาของชายสูงอายุคนนั้นจะทำอะไรบ้าง
ถ้าเธอสามารถล่วงรู้ว่าจะไม่มีโอกาสได้อยู่ชื่นชม กับวันพรุ่งนี้
เธออาจโทรศัพท์หาญาติ ๆ และเพื่อนสนิท
หรือบางทีเธออาจจะโทร.หาเพื่อนเก่า ๆ เพื่อขอโทษขอโพย เรื่องราวในอดีต...
หรืออาจจะขอไปรับประทานอาหารตะวันออกที่เธอโปรดปราน

ถ้าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นกับผม...
ผมคงหัวเสียเพราะอดที่จะได้พบปะเพื่อนฝูงที่ผมนึกว่า
คงจะได้เจอะเจอกันในเร็ว ๆ นี้...
ไม่ได้เขียนจดหมายหาเพื่อนฝูง ทั้งที่ตั้งใจว่าจะเขียน...
ขณะเดียวกันผมก็คงเศร้าใจ ที่จะไม่มีโอกาสบอกคนใกล้ชิดว่า
ผมรักพวกเขามากเพียงใด ผมไม่ยอมผัดวันประกันพรุ่งอีกแล้ว ตรงกันข้าม …
ผมกลับเฝ้าบอกตัวเองเสมอ ว่าวันนี้เป็นวันพิเศษ...
ทุก ๆ วัน ทุก ๆ ชั่วโมง ทุก ๆ นาที........
คือเวลาที่มีความหมายทั้งสิ้น

คนหลายคนมักใช้ชีวิตเพื่อวันข้างหน้า … หลายคนทำงานหนักเพื่อวันข้างหน้า
โดยลืมถึงวันนี้...ลืมนึกถึงคนที่อยู่กับเรา ในวันนี้
คุณกำลังลืมความฝันในวัยเด็ก ความฝันที่อยากจะโตเป็นผู้ใหญ่
แต่คุณกำลังมองหาความฝันใน วันข้างหน้า ทั้ง ๆ
ที่ความฝันในวัยเด็กที่ฝันอยากจะทำอะไรตั้งหลายอย่างตอนโตก็มาถึงแล้ว
ผมเคยอ่าน หนังสือเล่มนึง พูดไว้สั้น ๆ ว่า "คนอยากกินส้ม
มักจะลืมไปว่าตัวเองอยากกินแค่ไหน ก็ตอนที่กำลังเคี้ยว ส้ม" ในความหมายก็คือ
ขณะคุณกำลังเคี้ยวส้ม คุณก็มักจะนึกต่อไปว่าเดี๋ยวจะไปทำโน่นนี่
แทนที่จะตั้งใจลิ้ม รสกับส้มกลีบนั้น ..อย่างที่อยากอย่างที่ฝัน

No comments: