Thursday, November 27, 2008

ทฤษฎีสมอง

เคยดูเรื่อง matrix กันหรือเปล่าครับ ที่คีนูรีฟเล่นหน่ะ
บางคนมองว่ามันเป็นแค่หนัง action บู๊สะบั้นหั่นแหลก
แต่ผมได้ข้อคิดจากเรื่องนี้มากเลยครับ
ทุกสิ่งทุกอย่างถูกสั่งงานจากมันสมองของเรา นั่นหมายถึง...
สมองจะตอบสนองต่อสิ่งที่ผ่านมารอบตัวเราตามประสบการณ์ที่แต่ละคนได้รับมา

ถ้าเป็นเรื่องลบ เช่น คุณกำลังจะถูกบอกเลิกจากแฟน
สมองจะสร้างภาพว่า...คุณกำลังจะถูกทิ้ง, ไม่มีใครรักคุณอีกแล้ว,
คุณจะต้องอยู่คนเดียว, คุณจะต้องลำบาก ฯลฯ
และหลังจากนั้นสมองจะหลั่งสารเคมีบางอย่างออกมา
เพื่อที่ทำให้คุณซึมเศร้า, หงอยเหงา, กินอะไรไม่ลง, หมดเรี่ยวแรง ฯลฯ

ในทางตรงข้ามถ้าเป็นเรื่องบวก เช่น คุณถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1
สมองก็จะสร้างภาพว่า...คุณกำลังจะมีเงินมหาศาล,
คุณกำลังจะได้รถคันใหม่, เครื่องประดับหรูหรา ฯลฯ
พร้อมกันนั้นสมองก็จะหลั่งสารเคมีบางอย่างที่ทำให้คุณตื่นเต้น, ดีใจ, กระปรี้กระเปร่า
(สังเกตหรือเปล่าว่าคุณจะอยากพูดไม่หยุดเลย)
และเมื่อเวลาผ่านไปเมื่อสารเคมีที่หลั่งจากสมองคุณหมดไปคุณก็จะเข้าสู่สภาวะปรกติ
ซึ่งจะเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับภาวะจิตใจของแต่ละคน

ผมขอยกอีกตัวอย่างหนึ่ง ที่แม่ชีศันนีย์ (เสถียรธรรมสถาน) เคยเทศน์ไว้
สามี ภรรยา คู่หนึ่งใช้ชีวิตคู่มาด้วยกันเกือบสิบปี รักใคร่กันมาอย่างดี
สามีปฏิบัติกับภรรยามาอย่างดีตลอด และภรรยาก็รักสามีมาก
พอมาวันหนึ่งภรรยารู้ว่าสามีแอบไปมีภรรยาน้อย มากว่า 2 ปีแล้ว
และมีลูกด้วยกันด้วยภรรยารับไม่ได้ขอเลิกกับสามี
ประเด็นก็คือ ถ้าสมมุติว่าภรรยาไม่รู้เรื่องก็น่าจะยังคงรักใคร่กันอยู่ดี
แต่ภรรยารู้ว่าสามีนอกใจกับคนอื่น
สมองก็สร้างภาพลบขึ้นมาสารพัดจนในที่สุดทนไม่ได้ก็เลิกกัน
สมองของเราเป็นสิ่งที่เข้าใจยากมาก
บางครั้งมันก็เชื่อฟังเรา บางครั้งมันก็ไม่เชื่อฟัง
เช่นบางครั้งเราสั่งให้มันคิด บางทีมันไม่คิดหรือคิดไม่ออก
บางครั้งเราสั่งให้มันหยุดคิด มันกับคิดไปถึงไหนและไม่ยอมหยุดคิดแม้กระทั่งเราหลับ
เราจึงต้องฝึกฝนมันบ่อยๆ ให้มันเชื่อฟังเรา
บางครั้งมันก็น่ารำคาญสมองเราเหมือนกัน
เวลารับรู้อะไรบางอย่างมันต้องสร้างภาพตามมาทุกครั้ง
ถ้าเป็นภาพบวกก็ดีหรอก ถ้าเป็นภาพลบล่ะก็เศร้าชะมัด

บางคนประสบกับภาวะกดดันแต่ก็เข้มแข็งเพราะสมองเขาสร้างภาพที่เป็นบวก
(อุปสรรคคือการท้าทาย)
แต่บางคน เจอกับเหตุการณ์บางอย่างก็เป็นทุกข์เพราะสมองเขาสร้างภาพที่เป็นลบ
ทั้งที่ยังไม่เกิดอะไรขึ้นเลย (โลกนี้ช่างไม่น่าอยู่เลย)

เพราะฉะนั้นผมจึงอยากสรุปว่า...
ภาวะทางจิตใจของคุณขึ้นอยู่กับการสร้างภาพจากสมองของคุณเอง
ผมคิดวิธีการที่จะลดภาวะซึมเศร้า (จากการที่สมองหลั่งสารเคมีบางอย่างออกมา) ก็คือ

- ออกกำลังกาย เพราะหลังจากการออกกำลังกายสมอง (อีกนั่นแหละ)
จะหลั่งสารเคมีบางอย่างทำให้ร่างกายสดชื่นได้

- อย่าพยายามคิดถึงมัน ในภาวะที่สมองคิดภาพเป็นลบออกมานั้นให้คุณพยายามคิดเรื่องอื่นแทน
อาจจะยากในช่วงแรก แต่มันจะทำให้คุณหายเศร้าเร็ว
เพราะถ้าคุณพยายามจะคิดถึงมันมากเท่าไหร่คุณก็จะหายเศร้าช้า
อย่างที่หลายคนบอกว่า ปลงซะ...

- คิดถึงภาพที่เป็นบวก ลองเล่นกับสมองของคุณดู
ถ้ามันจะคิดถึงเรื่องที่เป็นลบได้มันก็ต้องคิดเรื่องบวกได้
เช่น คิดถึงทะเล, น้ำตก, ต้นไม้, ภูเขา, ทุ่งหญ้า ฯลฯ

- หากิจกรรมอย่างอื่นทำเพื่อให้สมองของคุณสร้างภาพเรื่องอื่นขึ้นมาแทน
เช่น เล่นดนตรี, วาดภาพ, ทำงานประดิษฐ์, อ่านหนังสือบันเทิง เป็นต้น

- อย่าอยู่คนเดียวเพราะเวลาคุณอยู่คนเดียวคุณก็จะคิดถึงเรื่องที่ทำให้คุณเศร้า
(ไม่รู้สมองมันจะคิดของมันไปถึงไหน)
พยายามหาเพื่อนคุย หรือคุยกับพ่อแม่, พี่น้อง, คนสนิท

- นั่งสมาธิ สูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ และเพ่งที่ลมหายใจ เป็นวิธีการพื้นฐานธรรมดาครับ
แต่อย่าลืมนะครับพระพุทธเจ้าตรัสรู้จากวิธีการนี้นะครับ

- ถ้าคุณนอนไม่หลับให้ลองปรึกษาแพทย์ เพื่อขอยานอนหลับ
หรือ อาจดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ในปริมาณที่พอเหมาะ แต่ไม่แนะนำนะครับ
เพราะเมื่อคุณหายจากภาวะซึมเศร้าแล้วอาจจะกลายเป็นติดยาแทน
ถึงตอนนั้นคุณอาจต้องไปรักษาที่ถ้ำกระบอกก็เป็นได้

สุดท้ายผมว่าคำสอนทางพุทธศาสนา เป็นวิธีการที่ดีที่สุดครับ
เพราะ ศาสนาพุทธ เป็น ศาสนาที่ไม่ได้สอนให้ใครเชื่อ
แต่ให้ปฏิบัติ แล้วดูผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
แม่ชีศันนีย์ พูดว่า ไม่ให้เรายึดติดกับสิ่งใด
เวลาเกิดเหตุการณ์ใดๆ ไม่ให้เราไปเอาเรื่องกับมัน ไม่อย่างนั้นเราจะเป็นทุกข์
คนเราไม่อยากมีทุกข์ ... อยากมีความสุข
แต่สิ่งที่อยู่เหนือทั้งสุขและทุกข์ก็คือ นิพพาน คือทั้งไม่สุขและไม่ทุกข์ครับ...

No comments: