Friday, November 28, 2008

รัก ...ไม่มีเงื่อนไข

อยู่มาวันหนึ่งผมก็เกิดมีชีวิตขึ้นมาผมไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร
ผมมีความรู้สึก ผมมีความคิด แต่ผมพูดไม่ได้
ผมไม่ต้องทานอาหารไม่ต้องสืบพันธุ์
ผมสามารถได้ยินในรัศมีไม่เกินสองเมตร
ผมคือโต๊ะอาหารในฟู๊ดเซ็นเตอร์ที่อาคารทีซีซีแห่งนี้
อาคารแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางถนนสีลม ซึ่งเป็นย่านธุรกิจสำคัญ ทุกๆ
วันระหว่างจันทร์ถึงศุกร์สถานที่แห่งนี้จะมีคนทำงาน
ออฟฟิศมากมายมาทานอาหารเที่ยงกัน ในช่วงระหว่างเวลา
เที่ยงถึงราวบ่ายโมงครึ่ง
ด้วยเหตุที่สนนราคาที่ไม่แพงเกินไปสำหรับคนชั้นกลางที่ทำงานในละแวกใกล้เคียง
ผมได้ยินเรื่องราวมากมายจากคนเหล่านี้ไม่ซ้ำหน้าไม่ซ้ำเรื่อง หลากหลายรสชาด
วันนี้ลองดูซิครับว่ามีเรื่องอะไรที่โต๊ะของผมวันนี้ผู้คนดูบางตาไป
เนื่องจากด้านนอกฝนตกในห้องอาหาร ฟาสต์ฟู๊ดวันนี้เลยมีคนน้อยลงไปมาก
เจ้าโต๊ะสอดรู้สอดเห็นอย่างผมเลยพลอยหงอยเหงาห่อเหี่ยวไปด้วย รอบ ๆ
ตัวผมไม่มีผู้คนเลยมีแต่เจ้าโต๊ะเปล่าตั้งอยู่
วันนี้ผมคงจะไม่มีเรื่องน่าสนใจมาเล่า ให้คุณฟังแล้วกระมัง
ผมได้ยินเสียงแว่ว ๆ
ของสุภาพสตรีสองคนด้านหลังทางซ้ายมือ ผมเลยชำเลืองมองดู
(อย่าสงสัยเลยนะครับว่ามองจากอะไร
เพราะผมเป็นโต๊ะผมมีดวงตาที่ไม่เหมือนคนอย่างพวกท่านหรอกครับ )
ผมเห็นสุภาพสตรีอายุราว ๆ 25 ปี สองคนแต่งตัวในชุดทำงาน
ดูเหมือนจะเป็นยูนิฟอร์มของธนาคารใดธนาคารหนึ่งในสีลม คนหนึ่งผมสั้น
อีกคนผมยาวทั้งสองมีถาดอาหารเข้าใจว่าจะเป็นมังสะวิรัติ
เพราะมีแต่ผักเต็มจาน
คนผมยาวนั่งลงก่อนแล้วเอ่ยปากขึ้นว่า “ใจเย็น ๆ น่าเล็ก
ทานไปคุยไปก็ละกันนะ “
น้ำเสียงอ่อนโยนที่แสดงให้เห็นว่าเธอเอาใจใส่เพื่อนของเธอคนนี้มาก
คนผมสั้นเอ่ยตอบว่า “โอเค โอเคฉันเชื่อเธอกบ
เพราะมีแต่เธอแหละที่ฉันกล้าคุยเรื่องในครอบครัวให้ฟัง “ สาวผมสั้นค่อย ๆ
บรรจงวางถาดอาหารลง เธอเริ่มต้นทานอาหารไปอย่างช้า ๆ พร้อม ๆ
กับเอ่ยปากเล่าเรื่องของเธอต่อไปว่า “ฉันละเซ็งคุณแดงสามีของฉันเหลือเกิน
หากฉันจะลิสท์ (list) คุณสมบัติยอดห่วยของสามีฉันละก้อ เธอเอ๋ย
หน้ากระดาษหนึ่งคงไม่พอ กลับบ้านค่ำ แถมเอางาน กลับมาอีก ไม่ชอบดูละคร
ดูแต่เคเบิ้ลทีวี เวลาดูก็หมุนเปลี่ยนทุกช่อง ชอบเก็บกวาดบ้านด้วยตนเอง
ไม่เคยให้ความสนใจดูแลฉันเลย โอ๊ยฉันละเบื่อ ทีกับลูกน้องตัวเองละก็
ประคบประหงมยิ่งกว่าลูกอีก เฮ้อ “ เธอถอนหายใจเสียงดัง หลังจากเล่าจบ
เธอเอ่ยถามคู่หูคนสนิทต่อ
“กบเธอแต่งงานมาตั้งห้าปีแล้วมากกว่าฉันตั้งสามปี
ทำไมไม่เห็นบ่นเรื่องสามีของเธอเลย เธอคงมองโลกในแง่ดีมากเลยนะ
ฉันอิจฉาเธอจังเลย “ กบเอ่ยตอบ
“เล็กฉันก็เคยเป็นอย่างเธอเหมือนกันเมื่อสองสามปีที่แล้ว
วันหนึ่งฉันอัดอั้นมากจนทนไม่ไหว ด้วยสายเลือดเลขามืออาชีพของฉันซึ่ง
เหมือน ๆ
กับเธอนี่แหละ ฉันหยิบกระดาษออกมาแล้วระบายลงไปเลยว่ารายการ
ความห่วยของสามีฉันเป็นอย่างไร เธอรู้ไหมว่าฉันได้กี่ข้อ “
เล็กรีบถามด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น “กี่ข้อละ “ กบตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“สามสิบสองข้อ เท่ากับขนาดเอวของสามีฉันเลยละ “
เล็กกลั้นหัวเราะไม่อยู่ข้าวในปากกระเด็นออกมา โชคดีที่เธอทานคำไม่โต
เธออุทานกลั้วเสียงหัวเราะว่า “แหมเธอนี่ช่างเปรียบเทียบจริงๆนะ หึ ..หึ
..หึ
“ กบเล่าต่อ “เย็นวันนั้นฉันตั้งใจว่ากลับบ้านแล้วฉันจะส่ง
รายงานชิ้นเอกให้สามีของฉันดู เพียงแต่ว่าฉันต้องไปงานศพลุงของฉันก่อน
พอเลิกงานฉันก็รีบรุดไปงานศพของลุงฉันซึ่งอายุ
เพิ่งห้าสิบเองคุณป้าฉันก็อายุห้าสิบเหมือนกัน

ลุงฉันเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุรถยนต์คว่ำซึ่งถือว่า
เป็นเหตุการณ์ที่ทุกคนไม่ได้ คาดคิดมาก่อน
ป้าฉันตกใจมากเธอไม่เคยเตรียมใจสำหรับเรื่องนี้มาก่อน
ฉันสนิทกับป้าฉันคนนี้มากเป็นพิเศษ เมื่อฉันไปถึงงานศพ
ฉันก็ไปนั่งคุยกับคุณป้า
เมื่อไปถึงคุณป้าก็ซึ่งมีสีหน้าเศร้าสร้อยอยู่ก็ดีใจ ที่พบหน้าฉัน
เราสองคนนั่งคุยกันสักพักคุณป้าก็หยิบกระดาษโน๊ต สองสามแผ่นออกมา
แล้วก็ส่งให้ฉันดู ฉันรับมาดูแล้วก็นั่งอ่านในกระดาษนั้น
มีข้อความดังต่อไปนี้
เธอบรรยายข้อความใน กระดาษโน๊ตของป้าเธอต่อ “ถึงสามีที่รัก
วันนี้ทั้งวันฉันนึกถึงเธอตลอด เวลาสิบห้าปีที่เราอยู่ด้วยกัน
ฉันมักจะบ่นต่อว่าในข้อเสียของเธอมาตลอด จนกระทั่งถึงวันที่เธอจากไป
เมื่อฉันมีโอกาสทบทวนดูชีวิตคู่ของเราฉัน พบว่าฉันได้มองข้ามสิ่งดี ๆ
ของเธอไปมากมาย “ กบเล่าด้วยเสียงสั่นเครือ เธอเอ่ยต่อว่า
“ในกระดาษโน๊ตนั้นคุณป้าของฉันบรรยายคุณความดีของลุง
ไว้นับร้อยข้อพอฉันอ่านจบ
น้ำตาของฉันก็นองหน้า “ ป้าฉันเอ่ยกับฉันว่า
“ป้ารู้สึกเสียใจที่ไม่ได้เป็นผู้บอกสิ่งดี ๆ
เหล่านี้ในระหว่างที่คุณลุงของหนู
ยังมีชีวิตอยู่หลานอย่าทำพลาดแบบป้าอีกคนละ “
“ฉันนั่งฟังอยู่แล้วคิดตามไปว่า
มีคนจำนวนมากที่เมื่อคนรักของตนจากไปแล้ว
ค่อยบันทึกคุณความดีของผู้จากไปลงที่หลุมฝังศพ
หรือจัดพิมพ์เป็นเอกสารอย่างดีแต่ว่าผู้จากไปกลับไม่มีโอกาสอ่าน
ซึ่งขณะที่เขามีชีวิตอยู่กับได้ยินแต่สิ่งที่เป็นข้อบกพร่อง
ของเขาคิดได้อย่างนั้น ฉันรีบดึงเอาลิสต์รายการของสามีฉันออกมา
แล้วฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เลิกงานศพแล้วฉันรีบกลับบ้านทันที
พอเจอหน้าสามีฉันก็กระโดดกอดเขาเลย
เสร็จแล้วฉันก็ถือโอกาสาธยายคุณความดีทั้งหลาย ของเขาว่ามีอะไรบ้าง
สามีฉันมีสีหน้าแปลกใจเล็ก ๆ แต่ว่าท่าทีเขาดูอ่อนโยนมากขึ้น
และเอื้ออาทรกับฉันขึ้นมาทันที ฉันเองก็เริ่มมีความรู้สึกที่ดีต่อเขามาก
หากเรารักใครแล้วเราบอกสิ่งที่ดีของเขาให้เขาได้ยิน
เขาก็จะรักเราตอบและบอกสิ่งที่ดีตอบกลับมา
สามีฉันก็เผยความในใจถึงข้อดีของฉันอีกมากมายที่ฉันไม่เคยรู้มาก่อน
“ตั้งแต่นั้นมาฉันก็เลิกคิดถึงรายการจุดอ่อนของคนที่เรารัก
ฉันคิดว่าเราควรจะรักเขา อย่างที่เขาเป็นแหละ
อย่าไปหวังให้เขาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
ที่แตกต่างกับเราเลยความรักที่แท้จริงก็คือ Unconditioning Love คือ
การที่เรารักเขาแล้วไม่ได้ตั้งเงื่อนไขให้เขาเปลี่ยนแปลงอะไร
จงรักเขาอย่างที่เขาเป็น แล้วโฟกัสในสิ่งที่ดีของเขาซะเราก็จะมีความสุข
เขาก็จะมีความสุข “ กบเล่าจบด้วยสีหน้าอิ่มเอิบเล็ก
ซึ่งนั่งฟังอยู่อย่างเงียบ
ๆ นัยน์ตาเธอมีน้ำตาคลอเบ้าอยู่
ในมือเธอกำแน่นด้วยเศษกระดาษลิสต์รายการที่บัดนี้ถูกเธอ
ฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย อยู่ ๆ เล็กเอ่ยขึ้นว่า
“ขอบใจมากจ๊ะกบฉันว่าเรารีบกลับ ออฟฟิศเถอะ ฉันอยากโทรหาสามีของฉันหน่อย
มีข้อดีของเขาอีกมากที่ฉันควรจะบอกเขา

No comments: