เมื่อวันก่อนได้ฟังธรรมะจากอาจารย์วิโรจน์ ฤทธิ์ลิขิต อาจารย์ได้เล่าเรื่อง
ของ อาแปะคนหนึ่งให้ฟัง น่าสนใจมาก
เรื่องมีอยู่ว่า มีอาแปะคนหนึ่ง เลี้ยงม้าตัวเมียไว้ 1 ตัว อาชีพของแกคือ
นำม้าตัวเมียไปจ้างผสมพันธุ์ และเมื่อได้ลูกม้า แกก็จะนำลูกม้าไปขาย
อยู่ต่อมาวันหนึ่ง ม้าตัวเมียนั้นได้หายไปจากบ้าน ชาวบ้าน ผู้มีน้ำใจได้มา
แสดงความเสียใจกับอาแปะกันมากมาย เพราะอาแปะเป็นคนดีเป็นที่รักของทุก ๆ คน
อาแปะได้ แสดงความขอบคุณและตอบกลับไป ด้วยน้ำเสียงสุภาพว่า "มันอาจจะดีก็
ได้"
ต่อมาอีก 2 - 3 วัน ม้าตัวเมียนั้นได้กลับมาพร้อมกับม้าตัวผู้ 1 ตัวชาวบ้าน
รู้ข่าว ต่างก็แสดงความยินดีกับอาแปะ เพราะต่อไปนี้อาแปะ นั่งจิบน้ำชา ก็มี
ลูกม้าขายไม่ต้องไปเสียเงินจ้างเขาผสมพันธ์ อาแปะแสดงความขอบคุณต่อเพื่อน
บ้านและตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพว่า "มันอาจจะร้ายก็ได้"
และอีกไม่นานนักลูกชายคนเดียวของอาแปะได้กระโดดขึ้นขี่หลังม้าตัวผู้ม้าพยศ
ลูกชายอาแปะตกลงมา ขาหัก ชาวบ้านสงสาร เพราะอาแปะ มีลูกชายเพียงคนเดียว จึง
มาแสดงความเสียใจและปลอบโยนให้กำลังใจ แต่อาแปะกลับตอบด้วยสีหน้าปกติวาจา
สุภาพเหมือนทุกครั้งว่า "มันอาจจะดีก็ได้"
บ้านของอาแปะอยู่ชายแดน มณฑลหนึ่งในเมืองจีน ซึ่งชายหนุ่มทุกคนต้องไปเป็น
ทหารสู้รบป้องกันบ้านเมือง แต่ด้วยเหตุ ที่ลูกชายอาแปะขาหักพิการ จึงไม่
สามารถไปเป็นทหารได้จึงได้อยู่ดูแลอาแปะอย่างมีความสุข
ท่านอาจารย์วิโรจน์ให้ข้อคิดไว้ว่า ในชีวิตคนเรานั้นมีหลายๆเรื่องผ่านเข้า
มาในชีวิต หากเราเจอปัญหาและคิดว่ามืด 8 ด้าน อย่าท้อถอยเพราะเหตุการณ์
นั้นอาจมีสิ่งที่ดีเกิดขึ้นก็ได้ ในขณะเดียวกันถ้าได้สิ่งใดสมปรารถนาก็
อย่าดีใจจนออกนอกหน้าเพราะมันอาจจะร้ายก็ได้? ขอให้ประโยคสั้นๆนี้ "มันอาจ
จะดีก็ได้" เป็นกำลังใจให้เราทุกคนสู้ต่อไป ขอให้ประโยคนี้ "มันอาจจะร้ายก็
ได้" เตือนให้เราไม่ประมาท
No comments:
Post a Comment