กาลครั้งหนึ่ง ยังมีนกกระจอกตัวหนึ่งเป็นนกกระจอกเจ้าสำราญ
เที่ยวกินเที่ยวเล่นไปวันๆ สนุกสนาน
เมื่อเวลาฤดูหนาวใกล้เข้ามา
นกกระจอกตัวอื่นๆ ก็พากันเตรียมตัวออกบินลงใต้เพื่อหลบหนาว
แต่พระเอกของเราก็ยังทำทองไม่รู้ร้อน
มันว่าเอาไว้ให้จวนตัวจริงๆ ค่อยออกเดินทางก็ยังไม่สาย
เพื่อนๆ พากันเกาะกลุ่มบินไปกลุ่ม จนในที่สุดเหลือมันตัวเดียว
และประจวบกับอากาศที่หนาวเย็นลงทุกวันมันจึงได้สำนึก
เช้าวันหนึ่งที่อากาศหนาวเหน็บนกกระจอกเจ้าสำราญก็ออกบินเดี่ยวเดินทางลงใต้
ขณะมาได้ไม่ไกล ฝนก็เทลงมาทำให้ขนของมันเปียกปอนไปหมด
และเพราะอากาศที่เย็นยะเยือกก็ทำให้น้ำที่เกาะปีกของมันกลายเป็นน้ำแข็งหนัก
มันบินต่อไปไม่ไหว ทั้งหนาวจนเกือบแข็งตายและหมดแรง
จึงตกแอ๊กลงมานอนหอบรอความตายอยู่บนพื้นดิน
เผอิญตรงนั้นจำเพาะเป็นลานบ้านชาวนามีวัวตัวหนึ่งเดินผ่านมา
และขี้ออกมากองเบ้อเริ่มหล่นเผละลงมาทับเจ้านกกระจอกพอดีจนมิดหัวมิดหู
เจ้านกกระจอกนึกในใจว่า "ซวยจริงตู ตายไม่มีศักดิ์ศรีเลย จมกองขี้วัวตาย"
มันปลงได้แล้วว่าคงตายแน่ แต่แล้วกองขี้วัวนั่นแหละที่ช่วยชีวิตมัน
เพราะความอุ่นทำให้น้ำแข็งละลาย และทำให้นกกระจอกกะปรี้กะเปร่าขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
มันดีใจมากที่รอดชีวิตจนร้องเพลงออกมาดังๆ
เจ้ากรรมมีแมวตัวหนึ่งเดินผ่านมา
มันได้ยินเสียงนกร้องจึงเงี่ยหูฟังและเดินย่องตามหา
จนมาพบว่าเสียงออกมาจากกองขวัวนี่เอง
แมวจัดแจงเขี่ยขี้วัวออกด้วยความสงสัย
จนไปเจอะเจ้านกกระจอกที่กำลังแหกปากร้องเพลงเพลินอยู่
จึงจับกินเป็นอาหารอันโอชะเสียในทันที
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
1.คนที่ขี้รดหัวเราไม่แน่ว่าจะเป็นศัตรูเสมอไป
2.คนที่ช่วยโกยขี้ให้พ้นหัวเราไม่แน่ว่าจะเป็นมิตรไปเสียทุกคน
No comments:
Post a Comment