Friday, November 28, 2008

ภาษารัก

เจ้าชายกับเจ้าหญิง
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
เจ้าชายหนุ่มหล่อของเราก็โดนแม่มดใจร้ายสาปให้พูดไม่ได้
ในแต่ละปีเขามี สิทธิ์พูดได้แค่คำเดียว
แต่ถ้าเขาไม่พูดสิทธินี้ก็จะสะสมไว้ใช้ได้ในปีถัดไป
วันหนึ่งเจ้าชายก็พบกับเจ้าหญิงแสนสวยผมทอง ปากเต็มอิ่ม
สะโพกผายกลึง
เจ้าชายตกหลุมรักเจ้าหญิงแบบหัวปักหัวปำ
อยากได้เธอมาร่วมเรียงเคียงหมอน
เจ้าชายตั้งใจว่าจะเอ่ยคำแรกกับเธอผู้เลอโฉมว่า
“ที่รัก”

ดังนั้นเขาจึงต้อง อดกลั้นไม่พูดจา 2 ปีเต็ม
เพื่อจะได้สิทธิพูด 2 พยางค์อันทรงคุณค่านี้
อดทนมาจนครบ 2 ปี
เจ้าชายก็เปลี่ยนความคิดใหม่ว่า เรื่องอะไรจะพูดเพียงแค่คำว่า “ที่รัก”
เขาน่าจะพูดว่า “ที่รัก ผมรักคุณ” มากกว่า
ดังนั้นเจ้าชายจึงต้องอดทน ไม่พูดจาต่อไปอีก 3 ปี
จึงจะมีสิทธิพูด 5 พยางค์นี้ได้ครบ 5 ปี

เจ้าชายผู้มุ่งมั่นก็เปลี่ยนใจใหม่อีกแล้ว
เขาควรจะขอเจ้าหญิงแต่งงานเสียเลย จะดีกว่า
ดังนั้นเขาจึงต้องสะสมสิทธิการพูดต่ออีก 10 ปี
เจ้าชายไม่รู้จักภาษาใบ้
เขียนหนังสือไม่ได้ อ่านหนังสือไม่ออก
การคบหากับเจ้าหญิง จึงได้แค่เพียงมองหน้ากันไปมองหน้ากันมาจนครบ 10 ปี

ในที่สุดก็ถึงเวลาอันสำคัญ
เจ้าชายจูงมือเจ้าหญิงเข้าไปในราชอุทยานของพระองค์
ต้นไม้ที่ร่มรื่น ดอกไม้ที่ แสนสวย นกร้องเบาๆ
คลอเคล้าด้วยสายลมอ่อน
เจ้าชายเก็บกุหลาบแดงช่อโตมามอบให้เจ้าหญิง
คุกเข่าต่อหน้าและจับมือเธอขึ้นจุมพิต...

“ที่รัก... ผมรักคุณ แต่งงานกับผมนะ”
เจ้าชายเอ่ยปากขอแต่งงานกับเจ้าหญิงที่หลับตาสะเทิ้นอายด้วยเสียงนุ่มหล่อแบบด็อกเตอร์สลัมพ์
เจ้าหญิงแสนสวยลืมตาจ้องเจ้าชาย
สายตาอันหยาดเยิ้มทำให้หัวใจเจ้าชาย พองโตแทบบ้า
ริมฝีปากอวบอิ่มขยับพูด

“อะไรนะคะ. หญิงไม่ได้ยิน”!!!!!

บทแทรก: จำเป็นหรอที่ "คำว่ารัก" จะต้องเอ่ยจากปากเท่านั้น
แค่การกระทำที่แสดงออกจากใจจริง
ก็เป็นการเอ่ย "คำว่ารัก" ออกมาจากหัวใจแล้ว

No comments: