Friday, November 28, 2008

เพื่อนผู้อาภัพ

แด่แอ๋มเพื่อนผู้อาภัพและโชคร้ายของเรา
ขอให้เธอพบคนที่ดีในชาติหน้า





***************************************************************
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเราได้ไปงานศพเพื่อนสนิทที่เรียนมาด้วยกัน

แอ๋ม



เพื่อนของเราเป็นคนที่เรียบร้อยที่สุดในกลุ่มเธอไม่เคยมีแฟนเลยตั้งแต่เข้าปี 1
ไม่ใช่ว่าแอ๋มไม่สวย
แต่แอ๋มจะขี้อายมากเพราะแอ๋มมีแต่พีน้องผู้หญิงและพ่อของแอ๋มก็เสียตั้งแต่เล็ก
ก่อนพวกเราจะจบการศึกษา 4-5 เดือนแอ๋มเล่าให้เราฟังว่ามีคนมาสนใจเธอ
เค้าแอบมองเธอมาเกือบ 2 เดือนโดยที่ไม่เคยคุยกันได้แต่แอบมองกันไปมา
เราจึงยุให้เธอส่งไมตรีให้เค้า
ได้ผล..



หลังจากนั้นแอ๋มก็กลับมาเล่าให้เราฟังว่าพวกเค้าได้คุยกันไปเที่ยวกันและเริ่มมี
เพศสัมพันธ์กัน เพราะความอยากรู้ของเราๆ
จึงไม่ห้ามและแอ๋มก็ไม่ปิดบังเธอจะเล่าให้เราฟังทุกระยะ
จนเมื่อพวกเราจบและแยกย้ายกันไป
แอ๋มก็ส่งการ์ดแต่งงานมาให้เรา เธอแต่งเป็นคนแรกของรุ่น
ตอนแต่งแอ๋มอายุประมาณ22 ส่วนแฟนแอ๋มประมาณ 24
ในงานวันนั้นเพื่อนๆ ทุกคนอิจฉาแอ๋ม เจ้าบ่าวหล่อมากๆๆๆ
ทั้งคู่ดูเหมาะสมแอ๋มดูมีความสุขมาก
หลังจากงานวันนั้นเราก็ยังคงติดต่อกับแอ๋ม
เรานัดเจอกันกินข้าวกันเกือบทุกเดือน
บางครั้งแฟนแอ๋มก็ไปด้วย จนเข้าปีที่ 2
เราก็ยังคงได้เจอกับแอ๋มแต่ไม่บ่อยนัก
แอ๋มจะมาเจอเราเพียงคนเดียวโดยไม่มีแฟนมาด้วย แอ๋มดูไม่มีความสุข
เราเจอแอ๋มแค่ 2-3 ครั้งเท่านั้นและแอ๋มก็หายเงียบไป
วันหนึ่ง เราได้รับโทรศัพท์จากแอ๋ม บอกว่าแฟนแอ๋มตายแล้ว
เราตกใจมากสงสารแอ๋ม




เราไม่ทันได้ไปงานศพแฟนแอ๋ม เพราะแอ๋มบอกเราว่าเขาฝังทันทีเย็นวันนั้นตามพิธีของ
ศาสนา วันรุ่งขึ้นเราจึงไปร่วมทำบุญ 3หรือ7วันเราไม่แน่ใจ
แอ๋มดูไม่มีความสุข แต่ไม่มีอาการโศกเศร้ามากนักเราแปลกใจมาก
เพราะแอ๋มรักแฟนมากๆ ทำไมเธอดูไม่คอยเสียใจ
แอ๋มเล่าว่าแฟนเธอเป็นเนื้องอกให้สมองก่อนจะตายเจ็บอยู่เป็นเดือน
เธอว่าแฟนทรมานมากไปนะ ดีแล้วและเธอก็ทำใจได้แล้ว
หลังจากแฟนตายได้ 3 เดือนแอ๋มก็ลาออกจากบริษัทและไม่ทำงาน
แอ๋มบอกว่าแม่สุขภาพไม่ดีจะออกไปดูแลแม่
หลังจากนั้นเราก็คงคงติดต่อกับแอ๋มโทรศัพท์บ้างเจอกันบ้าง
จนผ่านไป 2 ปี

แอ๋มก็เริ่มเก็บเนื้อเก็บตัว เรานัดออกมาเจอ ก็ว่าไม่สบายบ้าง ยุ่งบ้าง
ชวนไปงานแต่งงานเพื่อนก็รับปากแต่พอจริงก็ไม่ไปอ้างว่าไม่สบาย
จนวันหนึ่งเพื่อนสนิทอีกคนของเราคลอดลูกเราก็ชวนไปเยื่ยม
แอ๋มก็บ่ายเบี่ยงต่างๆนาๆ จนเราสงสัย
และเคยมีเพื่อนบางคนเจอแอ๋มโดยบังเอิญ
มาบอกกับเราว่า แอ๋มผอมมาก เราก็ยิ่งเป็นห่วงแอ๋มมาก
จนมาวันหนึ่งเราทนเก็บความสงสัยไม่ได้จึงแอบไปบ้านแอ๋ม

แทบร้องไห้ เราพบแอ๋มนอนอยู่บนเตียง แอ๋มผอมมากๆ น้ำหนักแค่ 34 กิโล
แอ๋มบอกกับเราว่าเธอป่วยเป็นไวรัสลงปอด
เธอติดมาจากนกพิราปที่ทำรังอยู่บนหลังคา
แม่ของแอ๋มบอกเราว่าแอ๋มไม่ยอมกินข้าววันๆ กินข้าววันละ ช้อน
เรากับเพื่อนสองคนคุยกับแอ๋มไม่ได้มากนัก เพราะแอ๋มดูเหนื่อยมาก
แอ๋มได้แต่ฟังพวกเราคุยกัน
บางครั้งในขณะสนทนาแอ๋มก็ตัดพ้อว่า
ตัวแอ๋มโชคร้ายไม่สบายร่างกายอ่อนแอ
พวกเราก็ได้แต่ปลอบไปว่า แอ๋มต้องหายอย่าคิดมาก
แอ๋มบอกว่าในพวกเรา 3 คนเพื่อนเราอีกคน perfect ที่สุด เราเดาว่า perfect
ของแอ๋มคงเป็นเพราะ
เพื่อนอีกคนของเรามีครอบครัวที่อบอุ่นมีลูกน่าๆ
ส่วนตัวเรายังไม่แต่งงาน
และแอ๋มแฟนตายไปแล้ว

หลังจากนั้น 3 อาทิตย์
พี่สาวแอ๋มก็โทรมาบอกเราว่า......แอ๋มสิ้นใจแล้ว.....
ให้เราแจ้งข่าวกับเพื่อนคนอื่นๆ

วันงานเราได้คุยกับแม่แอ๋ม
และถามแม่ว่าทำไมปล่อยให้แอ๋มเจ็บหนักขนาดนี้ทำไมไม่รักษา
แม่แอ๋มเริ่มร้องไห้ แล้วบอกกับเราว่า
.....แอ๋มติดเอดส์จากแฟน.....
แม่มารู้ตอนที่แฟนแอ๋มตาย แอ๋มปิดบังแม่มาตลอด 2 ปีหลังจากแต่งงาน

แม่ว่าตัวแฟนก็รู้ว่าเป็นก่อนจะมาแต่งกับแอ๋มแต่แอ๋มรู้หลังจากแต่งแล้ว 1 ปี

เราสงสารแอ๋มมาก ทำไมเธอโชคร้ายแบบนี้
เธอปิดบัง พวกเราถึง 6 ปี แม่แอ๋มว่าตอนเจ็บหนัก 2 ปีหลังก่อนตาย
เวลามีเพื่อนๆโทรมาคุยแอ๋มจะมีความสุขมากกินข้าวได้เยอะ
และเมื่อล่าสุดที่เราไปเยี่ยม
แอ๋มก็เล่าให้แม่ฟังว่าเธอฟังพวกเราคุยสนุกมาก
อยากเจอกับพวกเราอีก


ถ้าเรารู้ว่าเธอจะจากเราไปเร็วด้วยโรคนี้เราคงจะโทรไปคุยกับเธอบ่อยขึ้น
จะไปหาเธอบ่อยๆ
ทำไม่เธอต้องคิดว่าพวกเราจะรังเกียจถ้ารู้ว่าเธอเป็นเอดส์
ทำไมเธอต้องทนทุกข์ทรมานใจ เก็บเรื่องอึดอัด 2 ปีกับแม่-พี่ๆ
และ กับอีก 6 ปีกับเพื่อนๆ

และทำไม 7 ปีที่แล้วเราไม่ห้ามเพื่อนเรา
หรือป้องกันก่อนที่แอ๋มจะเกินเลยกับแฟน.
ทุกอย่างที่เขียนมาเป็นเรื่องจริง
และเขียนด้วยความรู้สึกที่เสียใจเคร้าใจอย่างบอกไม่ถูก

No comments: