Friday, November 28, 2008

กว่าจะมาเป็นดาบ

ผมเคยได้ดู ubc ตอนนึงที่คุณสุเมธ ตันติเวชกุล
เล่าประสบการณ์ดีดีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ได้ทรงรับสั่งให้กำลังใจ ซึ่งเป็นประโยคที่ดีมาก...
อยากเล่าต่อๆตั้งนานแล้ว จนเกือบลืมเลยครับ
...คงได้ประโยชน์ กับบางคนที่กำลังเจอมรสุมกับงาน
จะได้รู้สึกดีผมจำมาถูกบ้างผิดบ้าง เนื้อหาประมาณนี้ครับ...

องคมนตรีท่านบอกว่า... "ตอนนั้นผมกำลังทำงานอยู่ในสภาพจิตใจที่แย่มาก
มันไม่มีกำลังใจจะทำอะไร ท้อแท้กับงานมากไม่มีใครเข้าใจเหมือนทำดีแตไม่ได้ดี
ในหลวงท่านทรงเสด็จมาพอดี และท่านได้เห็นสีหน้าผมไม่สู้จะดี
ท่านได้สอบถามจนได้ความว่าผมกำลังท้อแท้กับงาน ท่านจึงตั้งคำถาม+รับสั่ง ว่า...

ท่านสุเมธเคยขายเศษเหล็กไหม?
เศษเหล็กเหล่านั้น เวลาขาย คุณค่ามันต่ำมากใช่ไหม คงได้เงินมาไม่กี่บาทใช่ไหม?
แล้วถ้าเราเอาเศษเหล็กเหล่านั้นมาหลอมรวมกันเป็นแท่ง
เวลาหลอมนี่ เหล็กมันคงรู้สึกร้อนมากใช่ไหม?
พอหลอมเสร็จเรา นำมาทำเป็นดาบ คงต้องนำมาตีให้แบนอีกใช่ไหม?
เวลาตีก็ต้องคอยเอาไปเผาไปด้วย ต้องตีไป เผาไป
อยู่หลายรอบกว่าเป็นรูปเป็นร่างดาบอย่างที่เราต้องการ
ต้องผ่านความเจ็บปวดร้อนอยู่นาน
แถมเมื่อเสร็จแล้วถ้าจะให้สวยงามดังใจ ก็ต้องนำไปแกะลวดลายอีกใช่ไหม?
เวลาที่แกะลวดลายก็คงต้องใช้ของแข็งมีคมมาตี ให้เป็นลวดลายอีก
แต่เมื่อเสร็จเป็นดาบที่งดงามก็จะมีคุณค่าที่สูงมาก
เทียบกับเศษเหล็กคงจะต่างกันลิบลับ...

จะเห็นว่ากว่าที่เศษเหล็กไม่มีคุณค่ามากนัก จะกลายเป็นดาบอันงดงามนั้น
ต้องผ่านอุปสรรคมามากมาย ทั้งความเจ็บปวดต่างๆ
กว่าจะประสบความสำเร็จ ดังนั้นขอให้จำไว้อย่างหนึ่งว่า ...

"ใครไม่เคยถูกตีถูกทุบ เจอเรื่องเลวร้ายในชีวิตมาเลยนั้น
จงอย่าได้คิดทำการใหญ่"

No comments: