Friday, November 28, 2008

ความฝัน "THE ROSE"

วันหนึ่งในห้องเรียน
ครูผู้สอนได้ให้นักศึกษาทุกคนทำความรู้จักกับเพื่อนในห้องที่ยังไม่รู้จักกัน
ฉันหันมองหารอบตัว
แล้วสายตาก็ไปหยุดที่หญิงสูงอายุผู้หนึ่ง ที่กำลังจ้องมาที่ฉันเช่นกัน
หญิงสูงอายุพูดขึ้น "ว่าไง สุดหล่อ ฉันชื่อโรส อายุ 87 ปี
ขอกอดสักทีจะได้มั๊ย?"
ฉันหัวเราะและตอบ "ได้สิ"
แล้วเธอก็กอดฉันแน่ในวงแขนอันอบอุ่นของเธอ
ฉันได้ถามเธอว่า ทำไมเธอจึงไม่ได้เข้าเรียนวิทยาลัยซะตั้งแต่ตอนสาวๆ หละ
เธอกล่าวว่า เธอฝันที่จะได้รับปริญญาสักใบมาตลอดชีวิต
และขณะนี้เธอกำลังทำในสิ่งที่เธอตั้งใจ

หลังจากชั่งโมงเรียนนั้น
เรากลายเป็นเพื่อนสนิทกัน แบ่งปันซึ่งกัน แลกเปลี่ยนความคิดกัน
และเพียงแค่ช่วงปีการศึกษา โรสก็กลายเป็นจุดเด่นในวิทยาลัย
เธอผูกสัมพันกับเพื่อนคราวหลานอีกมากมาย ชีวิตหลากสีสันในวัยเรียน
กลับมาสู่เธออีกครั้งปลายฤดูการศึกษา
เรามีการแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตร
โรสได้รับการเชื้อเชิญให้เป็นผู้กล่าวเปิดพิธีบอลประเพณีนั้น
เธอแนะนำตัวเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจวางการ์ดเล็กๆ ที่เธอจดเตรียมคำพูดไว้ลงกับสแตน
ด้วยอาการประหม่าเล็กๆ แต่ยังคงกล่าวต่อว่า "โอ้..ต้องขออภัย
เบียร์กับวิสกี้ร์ย้อมใจเมื่อกี้
ทำให้มีปัญหากับโน้ตเล็กนี่แทนเสียแล้ว
เอางี้แล้วกัน ให้ฉันบอกคุณ ว่าฉันเรียนรู้อะไรในชีวิตฉัน

"เราไม่ได้หยุด เล่น เพียงเพราะว่าเราแก่ขึ้น, เราเริ่มแก่ขึ้น
เพราะว่าเราหยุดเล่นต่างหาก, ความลับ 4 ข้อ ของการเป็นเด็กตลอดกาลคือ,

1 มีความสุข
2 สิ่งใดที่ตั้งใจไว้ จงทำให้สำเร็จ
3 คุณต้องหัวเราะในทุกๆ วัน มองหาในมุมดีให้พบทุกวัน
4 มีความใฝ่ฝัน เพราะถ้าคุณสูญเสียความฝัน คุณก็ไม่ต่างอะไรกับคนตาย
แล้วเรามีคนตาย ที่ไม่รู้ว่าตัวเองกลายเป็นคนตายอยู่มากมาย เดินอยู่รอบๆ ตัวเรา

มีความแตกต่างอยู่มากระหว่าง การแก่ตัวลง กับการเติบโตขึ้น
ถ้าคุณอายุ 18 ปี แล้วนอนเฉยๆ อยู่บนเตียง
ปีหนึ่งที่ผ่านไปคุณก็จะมีอายุ 19 ปี

ทุกคนแก่ขึ้นได้ โดยไม่ต้องใช้ความสามารถใดๆ ในความคิดของการเติบโต
คือการทำสิ่งต่างๆด้วยความสามารถในโอกาสที่มี
โดยไม่มีการเสียใจในภายหลัง คนที่ได้ชื่อว่าเติบโต
จะไม่มีวันเสียใจในสิ่งที่ทำ หากแต่จะเสียใจในสิ่งที่ไม่ได้ทำ "

แล้วเธอก็ร้องเพลง 'The Rose' ปิดท้ายคำปราศัยในครั้งนั้น
โรสถึงแก่กรรมอย่างสงบ บนเตียงของเธอ ภายหลังจบการศึกษาเพียง 1 อาทิตย์
มีนักศึกษากว่า 2,000 คนเข้าร่วมไว้อาลัยแด่สุภาพสตรี
ผู้สอนให้เรารู้ว่า ไม่มีคำว่าสายไปในสิ่งที่คุณพยายามทำและพยายามเป็น

THE ROSE Some say love it is a river
ใครบางคนบอกว่า ความรัก นั้นเป็นดังแม่น้ำสายใหญ่

That drowns the tender reed.
ที่ท่วมทับหญ้าน้ำที่อ่อนไหว

Some say love it is a razor that leaves your soul to bleed.
บางคน บอกว่า รักนั้นเป็นใบมีดโกน ที่คอยกรีดเฉือนหัวใจให้หลั่งเลือด โดยปราศจากบาดแผล

Some say love it is a hunger an endless aching need
บ้างก็บอกว่ารักนั้นคือผู้หิวโหย ที่ไม่เคยรู้จักอิ่ม

I say love it is a flower and you it's only seed
ฉันว่าความรัก เป็นดังดอกไม้ และเธอก็เพียงแค่เริ่มปลูกความรักนั้น

It's the heart afraid of breaking that never learns to dance.
ถ้าหัวใจ กลัวที่จะพ่ายแพ้ ก็จะไม่มีโอกาสได้เรียนรู้การร่ายระบำแห่งความรัก

It's the dream afraid of weaking that never takes the chance.
ถ้าความฝัน กล้วการตื่นขึ้น ก็จะพลาดการดื่มด่ำในใฝ่ฝัน

It's the one who won't be taken who cannot seem to give
ผู้ที่ไม่เคยได้รับ มักไม่เคยเรียนรู้การให้

and the soul afraid of dyin' that never learns to live.
หากจิตวิณญาณ กล้วการตายจาก จะไม่มีวันเรียนรู้ ถึงการดำรงอยู่

When the night has been too lonely and the road has been too long
แม้ค่ำคืนล่วงผ่าน ช่างแสนยาวนาน แลถนน ก็ดูเหมือนจะยาวไกล
and you think that love is only for the lucky and the strong
และหากคุณคิด ว่ารักมีสำหรับผู้ที่โชคดีและเข้มแข็งเท่านั้น

just remember in the winter far beneath the bitter snows
จำไว้เพียงอย่างหนึ่ง ในฤดูหนาว เบื้องล่างลึกลงกลางหิมะอันแสนหนาวเหน็บ
lies the seed that with the sun's love in the spring becomes the rose.
เมล็ดพันธุ์ยังคงทอดกายอยู่และเมื่อมีรักอันอบอุ่นแห่งอาทิตย์
ปลุกเพื่อตื่นเป็นกุหลาบดอกงามอีกครั้งในฤดูผลิใบสู่แสงอรุณ

No comments: