Thursday, January 8, 2009

หน้าตาใบสั่ง โดยกล้องไฮเทคตามสี่แยกต่างๆ


อยากให้ทุกคนระวังในการใช้รถ

เริ่มแล้ว! กล้องไฮเทค จับผิด 30 แยกทั่วกรุง ฝ่าไฟแดง-ปรับถึงบ้าน

โครงการกล้องไฮเทคถูกทดลองใช้ครั้งแรก วันที่ 30 ธันวาคม
ภายใต้การดูแล
ของพล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น. (ดูแลจราจร)
ผู้เป็นต้นคิดโครงการนี้ การทำงานของเครื่องตรวจจับจะมี 2 ส่วนด้วยกัน คือ
ระบบจับภาพผู้กระทำผิดซึ่งเป็นการทำงานของกล้องดิจิตอล และ
ระบบศูนย์ควบคุมที่ทำหน้าที่นำภาพที่จับได้มาประมวลผล
การทำงานจะเป็นไปตามขั้นตอน คือ ถ่ายภาพ
การกระทำผิดในรูปแบบแฟ้มข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์
พร้อมบันทึกรายละเอียดไว้ชัดเจน หลังจากนั้นระบบจะ
ส่งภาพผ่านระบบสื่อสารโครงข่ายแบบ ADSL ไปยังศูนย์ควบคุมกลาง
ทำการเปรียบเทียบข้อมูลยานพาหนะที่กระทำผิด พร้อมตรวจสอบความชัดเจนของภาพอีกครั้ง
ก่อนพิจารณาพิมพ์ใบสั่งจัดส่งไปทางไปรษณีย์เพื่อเรียกชำระค่าปรับ

ในชั้นนี้มีการติดตั้งกล้องดิจิตอลทั่วกทม.แล้ว 30 จุด คือ

1.แยกรัชดาฯ-ลาดพร้าว
2.แยกบ้านม้า
3.แยกคลองตัน
4.แยกอโศกเพชร
5.แยกวิทยุ-เพลินจิต
6.แยกซังฮี้
7.แยกพญาไท
8.แยกโชคชัย 4
9.แยกนิด้า
10.แยกอุรุพงษ์
11.แยกประดิพัทธ์
12.แยกรัชดาฯ-พระราม 4
13.แยกลำสาลี
14.แยกบ้านแขก
15.แยกบางพลัด
16.แยกนรินทร
17.แยกราชประสงค์
18.แยกอโศกสุขุมวิท
19.แยกสาทร
20.แยกตากสิน
21.แยกโพธิ์แก้ว
22.แยกพัฒนาการ-ตัดรามฯ 24
23.แยกร่มเกล้า
24.แยกศุลกากร
25.แยกเหม่งจ๋าย
26.แยกท่าพระ
27.แยกประเวศ
28.แยกอังรีดูนังต์
29.แยกประชานุกูล
30. แยกบางโพ


โดยกล้องดังกล่าวแบ่งการทำงานออกเป็น 3 ส่วน คือ

1.ตัวกล้อง
2.ตัวเซ็นเซอร์
3.ตัวคอมพิวเตอร์ประเมินผล

เมื่อไฟแดงทำงาน ตัวเซ็นเซอร์ทำงานมีการฝ่าไฟแดงออกไปกล้องจะถ่ายภาพจากนั้นจะ
ประมวลผลด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ที่โคนเสาซึ่งเป็นกล่องเหล็กตัวคอมพิวเตอร์ก็จะส่งข้อมูลมาที่ศูนย์สั่ง
การและควบคุมจราจร (บก.02) มาขึ้นที่จอมอนิเตอร์ใน บก.02 โดยเครื่องจะอ่านอัตโนมัติว่าเป็นรถ
ของใคร ซึ่งทางกองบัญชาการตำรวจจราจร ได้เชื่อมต่อเครือข่ายกับกรมการขนส่งที่ศูนย์รัตนาธิเบศร์
เพื่อบอกสีรถ ยี่ห้อรถ ชื่อเจ้าของรถเมื่อได้รายละเอียดจึงพิจารณาพิมพ์หมายหรือใบสั่งต่อไป

โดยผู้ทำผิดกฎจราจรจะถูกกล้องบันทึกภาพไว้ เมื่อหลักฐานครบถ้วนเจ้าหน้าที่จะแนบหมาย
เรียกส่งไปถึงบ้าน ซึ่งภาพที่ส่งไปจะมี 3 ภาพ คือ ภาพก่อนการกระทำความผิด
ภาพขณะกระทำความผิด และภาพเฉพาะทะเบียนรถ โดยในภาพจะปรากฏชื่อสถานที่ วันเวลากระทำความผิด
ความเร็วของรถเห็นทั้งตัวรถและไฟสัญญาณ โดยจะส่งให้ภายใน 7 วัน หลังกระทำความผิด
โดยเจ้าของจะต้องมาชำระค่าปรับตามที่กำหนดไว้ในหมาย นอกจากเสียค่าปรับแล้วยังมีการตัดแต้มคะแนนอีกด้วย

ใครที่ทำผิดกฎจราจรแล้วถูกจดหมายใบสั่ง จะต้องมาชำระค่าปรับตามจุดเปรียบเทียบปรับที่
จัดไว้ คือ จุดเปรียบเทียบปรับกรมการขนส่งทางบกจตุจักร จุดเปรียบเทียบปรับกรมการขนส่งทางบกบาง
นา จุดเปรียบเทียบปรับกรมการขนส่งทางบกตลิ่งชัน จุดเปรียบเทียบปรับกรมการขนส่งทางบกบางขุน
เทียน, สน.คู่ขนานลอยฟ้า ,สน.ใต้ทางด่วนพระราม 4} สน.ตู้กำแพงเพชร สน.วิภาวดี,จุดเปรียบเทียบปรับ(บก.จร.เก่า) ภายใน 7 วัน

อัตราโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 1,000 สำหรับรถคันแรกที่ทำผิดประเดิมกล้องไฮเทค ถูกบันทึกภาพไว้ได้ตอนตี 4
วันที่ 30 ธันวาคม บริเวณแยกอโศกสุขุมวิท ถนนรัชดาภิเษก แขวงและเขตคลองเตย เป็นรถยนต์หมายเลข
ทะเบียน ทร-59 กทม. ซึ่งเป็นรถยนต์แท็กซี่ ของสหกรณ์แท็กซี่รวมมิตร เลขที่ 1296/67-68
ถ.กรุงเทพ-นนทบุรี แขวงและเขตบางซื่อ กทม.

นอกจากนี้ยังมีอีกหลายร้อยรายที่ถูกกล้องจับบันทึกไว้ใครเป็นใครต้องลุ้นกันตอนรับจดหมาย!!?
"โครงการระบบตรวจจับสัญญาณไฟจราจร เป็นหนึ่งในการช่วยลดปัญหาการให้ผู้ขับขี่มีวินัย
ไม่ฝ่าฝืนสัญญาณจราจร ทางกองบัญชาการตำรวจจราจร จึงได้ทดลองนำกล้องระบบตรวจจับผู้ฝ่าฝืน
สัญญาณไฟจราจรมาใช้ แค่ช่วงทดลองก็พบว่าในแต่ละคืนมีคนทำผิดกฎจราจรกว่า 2 พันราย เพราะกลาง
คืนไม่มีตำรวจอยู่กลางสี่แยก ซึ่งกลายเป็นช่องว่างทำให้คนไม่เคารพกฎหมายทำผิดกฎจราจรและอาจเกิด
อุบัติเหตุขึ้นได้ เมื่อมีการติดตั้งกล้องอิเล็กทรอนิกส์ช่วยจับผู้กระทำผิด ก็จะเป็นประโยชน์กับเจ้าหน้าที่และ
ลดการเกิดอุบัติเหตุได้

"นอกจากนี้ อุปกรณ์ดังกล่าวยังลดความขัดแย้งระหว่างผู้ใช้รถใช้ถนนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เพราะการทำผิดจะถูกบันทึกไว้เป็นภาพถ่ายที่เห็นชัดเจน โดยทางบก.จร.จะส่งหมายเรียกให้มาชำระค่า
ปรับ แต่ถ้าหากไม่มาก็จะทำเรื่องไปยังกองทะเบียนเพื่ออายัดการต่อทะเบียนทันที ซึ่งการติดตั้งกล้อง
เหล่านี้หากมีหลายๆ แยก ก็จะเป็นการดีอย่างน้อยก็จะทำให้ผู้ขับขี่เกรงกลัว แม้ไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่ประจำ
แยก ซึ่งประโยชน์สูงสุดในการมีเครื่องตรวจจับชิ้นนี้ คือ ลดการสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของผู้ใช้รถใช้
ถนนเอง และยังเป็นการลดกำลังพลเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะได้แบ่งไปตรวจตราความเรียบร้อยด้านอื่นแทน"
พล.ต.ต.ภาณุ กล่าว

ถ้าผู้ใช้รถใช้ถนนมีวินัยไม่ทำผิดกฎจราจร ก็คงไม่ต้องสิ้นงบไปกับอุปกรณ์เหล่านี้!!

No comments: