Thursday, November 27, 2008

ผู้ชายเลือกผู้หญิงยังไง

ผมเชื่อว่าผู้ชายจำนวนไม่น้อย (ร้อยละ 90) ก็คิดเช่นนี้
ก็คงไม่มี “อะไรถูก -อะไรผิด” เสมอไป
และทำไมความคิดของผู้ชายถึงต่างจากคุณ
แต่อยากให้คุณเข้าใจว่าธรรมชาติของผู้ชายเป็นอย่างไร

สิ่งที่ผู้ชายสนใจในตัวผู้หญิงแบ่งออกเป็น 3 เรื่องใหญ่ ๆ คือ
(1) กามารมณ์
(2) ความรัก
(3) ความนับถือ
ทั้ง 3 ส่วน “แยกจากกัน” แต่สัมพันธ์กัน

ผู้ชายจะตัดสินใจเลือกผู้หญิงที่มีคุณสมบัติครบทั้งสามส่วนมาเป็นภรรยา
(***ส่วนอาจต่างกันไปสำหรับผู้ชายแต่ละคน)
ส่วนผู้หญิงที่มีคุณสมบัติไม่ครบจะเป็นแค่ทางผ่าน

1. สิ่งแรกที่ผู้ชายสนใจ คือ “กามารมณ์” (รูป-เสียง-กลิ่น-รส-สัมผัส)
อันนี้เป็นด่านแรกที่ผู้ชายสนใจ ผู้ชายทุกคนจะเริ่มที่จุดนี้
ลองสังเกตดู ก่อนอื่นผู้ชายจะสนใจผู้หญิงที่สวย น่ารัก
รูปร่างหน้าตาดี ผิวพรรณดี แต่งตัวดี (เรื่องของรูปทั้งหลายที่ผ่านทางตา)
พูดจาไพเราะ เสียงหวาน เสียงออดอ้อน (เรื่องของเสียงทั้งหลายที่ผ่านทางหู)
กลิ่นกายหอมยวนใจ (เรื่องของกลิ่นที่ผ่านทางจมูก)
ความสุขจากการกอดจูบ มีเพศสัมพันธ์
(เรื่องของสัมผัสทั้งหลายที่ผ่านทางกาย)
ที่ผู้ชายพูดกันเล่น ๆ ว่า “ขาว สวย หมวย sex” นั่นแหละ

(***ส่วน ทางกาย 40% ทางตา 40% ทางหู 15% ทางจมูก 5%)
สำหรับเรื่อง sex นี่ถึงจะพิสูจน์ไม่ได้แต่ก็จินตนาการได้
และเป็น “แรงจูงใจ” ที่ทำให้ผู้ชายทั้งหลายตามตื้อตามจีบคุณอยู่ทุกวันนี้
(ตราบใดที่ 40% นี้ยังไม่ประสบความสำเร็จ
แรงจูงใจจะยังคงมีต่อไปไม่ละความพยายาม...)
อย่างไรก็ดี แม้กามารมณ์จะเป็น “อันดับแรก” ที่ผู้ชายสนใจ
แต่กลับเป็น “อันดับสุดท้าย” ในการตัดสินใจเลือกผู้หญิงที่จะขอแต่งงาน
คุณผู้หญิงเคยสังเกตไหมมีผู้ชายจำนวนไม่น้อยที่ไปเที่ยวผู้หญิง
แต่ไม่เคยมีสักคนที่คิดจะจีบหรือขอหญิงที่เที่ยวมาเป็นภรรยา (ยกเว้นจีบเพื่อกินฟรี)
ทั้ง ๆ ที่ผู้หญิงเหล่านี้เจนจัดในการสนองกามารมณ์ของผู้ชาย
แถมหากผู้ชายรู้ว่าแฟนของตนผ่านเรื่องพรรค์นี้มากลับเป็นเรื่องใหญ่!
หรือคงจะเห็นได้บ่อย ๆ ที่เป็นแฟนกันแล้วผู้หญิงถูกทิ้งหลังจากเสียตัวให้ฝ่ายชาย
(อาจทิ้งทันทีหรือรอสักระยะจนเบื่อ)
เพราะฉะนั้นผู้หญิงคนไหนที่คิดว่าตัวเอง “ไม่สวย” ไม่ต้องเสียใจเลยครับ
การที่ผู้ชายสักคนจะมาชอบคุณอาจต้องอาศัยเวลาหน่อยกว่าจะมองเห็นคุณสมบัติในด้านอื่น ๆ
แต่ถ้าเขารักคุณด้วยเหตุผลอื่นที่เหนือกว่าคุณกลับมีโอกาสสูงที่จะได้เป็น “ภรรยา” ไม่ใช่ “คู่นอน”
และไม่ต้องถูกทอดทิ้งในภายหลังความเข้าใจผิดประการหนึ่งของผู้หญิงสมัยนี้คือ
ความคิดที่จะผูกมัดผู้ชายด้วย “sex” กลัวเขาจะทิ้งหากไม่ยอม
ผมกล้าพูดได้เต็มปากชนิด 100% เลยว่า
“ถ้าผู้ชายคนไหนบอกว่าจะทิ้งคุณไปเพราะเหตุว่าคุณไม่ยอมมีอะไรกับเขา
ผู้ชายคนนั้นกำลังหลอกคุณและเขาหวังเฉพาะเรือนร่างของคุณโดยไม่ได้รักคุณเลย
!!!!จริงอยู่กามารมณ์เป็นสิ่งที่ผู้ชายต้องการ แต่ไม่ใช่สิ่งที่สามารถผูกมัดผู้ชายไว้ได้
เขาจะมีคุณคนเดียวหรือมีผู้หญิงอื่นอีกเท่าไหร่ก็ได้เพราะไม่เกี่ยวกัน
(ชอบกินส้ม ไม่ได้หมายความว่าจะไม่กินทุเรียน น้อยหน่า ฯลฯ)
กามารมณ์เป็นสิ่งที่จากไปได้เร็วกว่าคุณสมบัติอื่น ๆ (มาก่อนก็ไปก่อน)
คนที่สวยกว่ายังมี อายุมากขึ้น ก็สู้สาว ๆ ไม่ได้แล้ว
หรือพอเคยชินเข้าก็เบื่อ
นอกจากนี้ “แรงจูงใจที่ได้รับการตอบสนองแล้วจะไม่สามารถใช้จูงใจได้อีก”

ดังนั้น ถ้าผู้หญิงรู้จักใช้แรงจูงใจทาง sex
ที่ยังไม่ได้รับการตอบสนองของผู้ชายให้เป็นประโยชน์
ดึงให้ผู้ชายผ่านระยะเวลาจนมีพัฒนาการทางด้าน (2) ความรัก
และ (3) ความนับถือ เรื่อยไปจนถึงการแต่งงาน
จึงจะนับว่าเป็นผู้หญิงฉลาดไม่ต้องเสียคนรักไปในภายหลัง
(ถ้าจะเสียก็เสียผู้ชายเลว ๆ ที่ไม่ได้รักเราจริงแต่ไม่ต้องเสียตัวเสียใจ
เมื่อวันนึงเจอผู้ชายดี ๆ ที่รักเราจริงและเราต้องเป็นแม่ของลูกเขา)

2. สิ่งต่อไปที่ผู้ชายต้องการจากผู้หญิงคือ “ความรัก”
ความรักหมายถึงการเข้าอกเข้าใจ ความเป็นห่วงเป็นใยเอื้ออาทร
การพูดคุยกันรู้เรื่อง ฯลฯ
ที่เป็นเรื่องของจิตใจล้วน ๆ แบบเดียวกับที่ผู้หญิงรักผู้ชายนั่นแหละไม่ต่างกัน
ความรักจะมีอิทธิพลในระดับสูงกว่ากามารมณ์ที่กล่าวถึงในตอนต้น
แต่สำหรับผู้ชาย การที่จะพัฒนาความสัมพันธ์จนกลายเป็นความรักจะช้ากว่าผู้หญิง
เพราะมัวไปหลงด้านกามารมณ์ซะมาก
(ที่บอกว่ารักก็อิงกับกามารมณ์ไม่ใช่รักแบบที่ผู้หญิงคิด)
จนเมื่อเวลาผ่านไป ผ่านอุปสรรคความยากลำบากต่าง ๆ
มีการพิสูจน์ใจกันมีการมุ่งมั่นสร้างหลักฐานเก็บเงินแต่งงาน สร้างอนาคต
พิสูจน์ตัวเองให้พ่อ-แม่ฝ่ายหญิงยอมรับ ฯลฯ จึงเกิดเป็นความรัก
ผู้หญิงสมัยนี้ชอบเสียท่าผู้ชายก่อนที่ผู้ชายจะเกิดความรักจริง ๆ
จึงต้องเสียใจที่ถูกทิ้ง
ที่จริงแล้วคนสมัยก่อนเขามีกุศโลบายให้ผู้หญิงรักนวลสงวนตัว
ให้ผู้ชายอดทนทำงานเก็บเงินมาสู่ขอ ก็เพื่อพัฒนาตรงจุดนี้
เพราะมันต้องใช้เวลาและผ่านความยากลำบากมาจึงจะเกิดความรักแบบนี้ได้
(สำหรับผู้ชาย) ก็ไปหาว่าหัวโบราณบ้าง ไม่ทันสมัยบ้าง
ที่จริงคนสมัยนี้ยิ่งเรียนก็ยิ่งโง่ แล้วก็มานั่งเสียใจไม่รู้ว่าชีวิตทำไมมีแต่ปัญหา

อีกเรื่องที่ไม่ค่อยยุติธรรมคือ
ส่วนใหญ่ผู้ชายที่รักผู้หญิงจริงชนิดหมดหัวใจกลับไม่ค่อยกล้าที่จะบอกหรือแสดงว่ารัก
ส่วนผู้ชายที่ปากหวานบอกรัก กลับเป็นผู้ชายประเภทเจ้าชู้ที่ผ่านผู้หญิงมามาก
(และจะผ่านต่อไป)

สาเหตุก็คือ
ผู้ชายที่รักเดียวใจเดียวจะไม่ค่อยสันทัดกับการจีบผู้หญิง
และไม่ค่อยมีประสบการณ์ทางด้านนี้
กลัวว่าหากทำอะไรผิดพลาดอาจสูญเสียคนที่ตนรักไป
ในขณะที่ผู้ชายเจ้าชู้จะมีประสบการณ์มามากในการจีบผู้หญิง
รู้ว่าจะต้องพูดอย่างไรและถึงจีบไม่สำเร็จก็ไม่กลัวเพราะไม่ได้รักอะไรมากมาย

.. แต่เชื่อไหม?
ผู้หญิงส่วนใหญ่กลับมองไม่ออกว่าผู้ชายคนไหนที่รักจริง (รำคาญด้วยซ้ำ)
ชอบแต่จะฟัง “คำพูด” แค่บอกว่ารักก็เชื่อสนิท...เสร็จเสือผู้หญิง!

3. สิ่งต่อไปคือ “ความนับถือ” หรือ “ความดี”
ผู้ชายต้องการให้ผู้หญิงวางตัวในลักษณะเป็นที่น่านับถือเกรงใจ
หรือพูดง่าย ๆ คือ “เป็นคนดี วางตัวเหมาะสม”
ผู้ชายส่วนใหญ่จะชอบผู้หญิงที่อ่อนหวานเรียบร้อย รักนวลสงวนตัว
ให้เกียรติและมีความซื่อสัตย์ต่อสามี และมีวุฒิภาวะทางอารมณ์สูง
(ไม่จู้จี้ขี้บ่น ไม่หึงหวงแบบไร้เหตุผล ไม่ทำตัวหวาดระแวงเป็นนักสืบ ฯลฯ)
อย่างเช่นผู้ชายแอบไปมีเมียน้อยหรือเที่ยวผู้หญิง
(อย่างที่กล่าวข้างต้นกามอารมณ์กับความรักสำหรับผู้ชายเป็นคนละส่วนกัน
ผู้ชายทุกคนชอบดูรูปโป๊แต่ไม่เคยจำหน้าผู้หญิงในรูปได้)
แต่จะมีผู้หญิงสักกี่คนที่วางตัวเหนือกว่าทางด้านวุฒิภาวะ
ลองผู้หญิงนิ่ง ๆ รู้ทัน แต่ไม่เอะอะโวยวายดูสิ
ขี้คร้านผู้ชายจะเกรงใจไม่กล้าทำอีก
เรื่องความดีหรือความนับถือนี่เป็นสิ่งที่สำคัญ “มากที่สุด”
ที่ผู้ชายอยากได้หญิงบริสุทธิ์มาเป็นภรรยาก็เพราะมันมีส่วนสัมพันธ์กับความดี
ไม่ใช่เห็นแก่ตัวอย่างที่ผู้หญิงคิดกัน
(แต่ทางกามารมณ์ก็มีอยากได้ของใหม่ ๆ สะอาด กระชับ ได้อารมณ์
และเป็นของเราคนเดียวไม่ใช้ร่วมกับใคร)
อย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่าไม่ใช่ผู้หญิงใจง่ายหรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม
(ก็ขนาดพ่อแม่รักจะตายยังขาดความยับยั้งชั่งใจแอบหนีไปมีอะไรกับใครได้
จะมั่นใจได้ยังไงว่าต่อไปจะไม่แอบไปมีชู้)
ผู้ชายที่หลอกฟันหญิงบริสุทธิ์แล้วทิ้ง
ก็เพราะเขาไม่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนดีที่น่านับถืออีกต่อไป
(ผู้หญิงดี ๆ ที่เป็นหม้ายเพราะสามีตาย
ยังน่าขอแต่งงานด้วยมากกว่าผู้หญิงโสดที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม)
อย่างไรก็ตามผู้หญิงคนไหนที่ชีวิตผิดพลาดไปแล้วขอให้หยุดแค่นั้นอย่าให้เกิดขึ้นอีก
(ถ้าคุณเป็นคนที่ดีจริง ๆ เขาจะอภัยให้คุณแม้จะเสียใจลึก ๆ)
คุณลองดูคู่แต่งงานที่อยู่กินกันมานาน ดูคุณพ่อคุณแม่คุณก็ได้
ทุกวันนี้เขายังหวานแหววแบบหนุ่มสาวไหม
เมื่อเวลาผ่านไปความสำคัญทางกามารมณ์ลดลง ก็จะมี “ความรัก”
และ "ความนับถือ" หรือ “ความดี” นี่แหละที่จะทำให้อยู่กันไปได้ตลอด

ที่เขียนมาทั้งหมดก็หวังจะให้เป็นวิทยาทานแก่คุณผู้หญิงทั้งหลายนะครับ
(คุณผู้หญิงคงจะอ่านไปด่าไที่ผู้ชายมีความคิดสกปรกเห็นแก่ตัวแบบนี้)
สำหรับตัวผมเองเป็นผู้ชาย อยู่ในสังคมของผู้ชายย่อมเข้าใจนิสัยของผู้ชายดี
ก็อยากให้ผู้หญิง (ที่พอจะรับฟังในสิ่งที่ผมพูด)
มีความสุขสมหวังไม่ต้องเสียอกเสียใจ
และพบกับปัญหาชีวิตคู่ (แบบว่าเห็นมามาก)

ยังไงก็ตามอ่านแล้วก็อย่านึกด่าผมนะครับ

No comments: