Friday, November 28, 2008

หากรู้สักนิด

ชายหนุ่มวัย 18 ปีคนหนึ่งกำลังป่วยด้วยโรคมะเร็ง...
มะเร็งระยะสุดท้ายที่ไม่สามารถเยียวยารักษาให้หายได้อีกแล้ว
และก็พร้อมจะจากไปในทุกขณะ

เขาใช้ชีวิตอยู่กับบ้านมาตลอดมีคุณแม่เป็นผู้ดูแล

แล้ววันหนึ่งเขาก็เกิดเบื่อหน่ายชีวิตประจำวันอันจำเจซ้ำซาก
อยากจะออกไปนอกบ้านสักครั้ง

เมื่อรับรู้ความในใจของบุตรชายเช่นนั้นแล้ว
ไหนเลยผู้เป็นมารดาจะไม่โอนอ่อนผ่อนตาม
เขาจึงมีโอกาสออกไปเดินเล่นละแวกบ้าน
ผ่านร้านค้ามากมาย...จวบจนพบร้านขายซีดีแห่งหนึ่ง
เขาก็ต้องหยุดชะงัก

จ้องมองเข้าไปในร้านแห่งนั้น..ที่นั่นเขาได้เห็นเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกันคนหนึ่ง
และในทันใดชายหนุ่มก็แจ่มชัดอย่างยิ่งว่าเธอคือรักแรกพบของเขาที่อุบัติขึ้น ณ บัดนั้น

เขาเดินเข้าไปข้างในร้าน ขณะสายตาจับจ้องอยู่แต่เธอ
กระทั่งมาหยุดยืนตรงหน้าเธอโดยไม่รู้ตัว
"จะให้ฉันช่วยอะไรได้บ้างคะ" เธอเอ่ยถามพร้อมกับส่งยิ้ม
ช่างเป็นรอยยิ้มที่หวานที่สุดเท่าที่เขาเคยสัมผัส
มันทำให้เขาอยากประทับริมฝีปากเธอในทันที
เขาตอบตะกุกตะกักออกไปว่า "เอ้อ ผมอยากได้ซีดีสักแผ่นครับ"
จากนั้นก็ทำทีหันไปเลือกซีดีได้แผ่นหนึ่ง
ก่อนจะกลับมาอยู่เบื้องหน้าเธออีกครั้งเพื่อชำระเงิน
"คุณอยากให้ฉันห่อกระดาษด้วยมั้ยคะ"
เธอถามพร้อมส่งยิ้มหวานมาให้ด้วยอีกหน เขาพยักหน้า
เธอจึงหันหลังไปจัดการให้จนเสร็จเรียบร้อยแล้วยื่นให้ชายหนุ่ม
กลับมาถึงบ้านเขาจัดการเก็บแผ่นซีดีไว้ในตู้
เพราะไม่ได้สนใจบทเพลงในแผ่นซีดีแม้แต่น้อย
สิ่งที่เขาสนใจก็คือคนขายนั่นต่างหาก

หลังจากวันนั้นแล้ว
ชายหนุ่มก็แวะเวียนไปที่นั่นเป็นประจำทุกวัน
ซื้อซีดีมาวันละแผ่นเสมอ
พร้อมกับอนุญาตให้หญิงสาวห่อกระดาษทุกครั้ง
รวมทั้งเมื่อกลับมาบ้านก็เก็บมันไว้ในตู้เหมือนที่เคยปฏิบัติมา
เขารู้สึกขวยเขินที่จะชวนเธอออกไปเที่ยวด้วยกัน
ทั้งๆ ที่เบื้องลึกนั้นปรารถนาเหลือเกิน
แต่ก็...ไม่กล้าพอ


เมื่อคนเป็นแม่รับรู้ในเวลาต่อมา
ท่านก็คะยั้นคะยอให้ลูกชายทำตามใจปรารถนาของตน
รุ่งขึ้นเขาจึงรวบรวมความกล้าทั้งหมด
ไปยังร้านนั้นอีกครั้ง
ซื้อซีดีหนึ่งแผ่นเหมือนวันก่อนๆ
และระหว่างที่เธอหันหลังให้นั้น
เขาก็ตัดสินใจทิ้งเบอร์โทรศัพท์ของตนไว้บนโต๊ะก่อนวิ่งออกจากร้านไป

สองสามวันต่อมาคุณแม่ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์
จึงรับสายและพูดว่า "สวัสดีค่ะ"
หญิงสาวในร้านขายซีดีนั่นเองที่เป็นผู้โทรมา
เมื่อสาวน้อยถามหาคนเป็นลูกชาย ผู้เป็นแม่ก็เริ่มร่ำไห้
แล้วบอกว่า
"หนูคงไม่รู้หรอกว่า...เขาเพิ่งจากไปเมื่อวานนี้เอง"

ถัดจากนั้นเสียงจากคนถามก็คล้ายจะถูกปลิด
คงเหลือแต่เพียงเสียงสะอื้นเบาๆของผู้เป็นแม่

ในวันนั้นเอง
ผู้เป็นแม่ก็เข้าไปในห้องของลูกชายเพื่อหวนระลึกถึงเขาอีกครั้ง...
เริ่มด้วยการสัมผัสเสื้อผ้าที่เขาเคยสวมใส่

และทันทีที่เปิดประตูตู้ ก็ต้องประหลาดใจ
เมื่อพบซีดีที่ยังห่อกระดาษไว้
กองอยู่เต็มไปหมด คุณแม่เลือกหยิบมาแผ่นหนึ่ง
นั่งลงบนเตียงและเริ่มแกะออกดู
ทันใดนั้นก็มีกระดาษเล็กๆแผ่นหนึ่งหล่นลงมา
คุณแม่หยิบมันขึ้นมาอ่าน
"สวัสดีค่ะ คุณดูน่ารักจังเลย คิดอยากออกไปเที่ยวกับฉันบ้างรึเปล่า"
กระทั่งเธอแกะซีดีแผ่นถัดๆมา ก็ยังพบกระดาษแผ่นเล็กๆ
มีข้อความเช่นเดิม...

No comments: