เวลาที่ทำอะไรแล้วไม่สำเร็จ หรือยังคงรู้สึกว่าไม่สุด เราเคยถามตัวเองหรือเปล่าว่า ตัวตนที่แท้จริงของเรานั้นคืออะไร เราเป็นตัวนาก (สัตว์ที่เชี่ยวชาญการเวียนว่าย) เป็นกระรอก (สัตว์ที่เชี่ยวชาญการปีนป่าย) หรือเป็นหนู (สัตว์ที่เชี่ยวชาญด้านการหลบหลีกภยันตราย) เพราะสัตว์สามชนิดนี้มีความสามารถพิเศษเฉพาะตัวที่ต่างกันออกไป แยกกันอยู่พวกมันเก่งคนละแบบ แต่ถ้าอยู่ร่วมกันได้และสามารถทำงานร่วมกันได้อีก สัตว์สามชนิดนี้จะกลายเป็นสุดยอดคนทำงานเลยล่ะ ลองปรับตัวให้เข้ากับตัวตนที่แท้จริงของเราให้ได้มากที่สุด แล้วเราจะพบกับความสำเร็จในแบบของเราเอง
ลองดูคำแนะนำง่ายๆ 3 ข้อ ที่อาจจะเป็นตัวช่วยให้คุณไปสู่ความสำเร็จได้ง่ายขึ้น
1. ยอมรับในความเป็นตัวคุณและสัญชาตญาณในการตัดสินใจ
สัญชาตญาณในการตัดสินใจของคนนั้นแบ่งได้เป็นสี่ข้อใหญ่ๆ ให้คุณลองสังเกตตัวเองง่ายๆ ว่าเวลาที่คุณตัดสินใจหรือลงมือทำอะไรสักอย่างนั้นมีปัจจัยอะไรบ้าง ในการเป็นตัวช่วยให้สิ่งนั้นสำเร็จลุล่วงไป ในกรณีนี้เราขอยกตัวอย่างเรื่องการเรียนรู้การถักโครเชย์ เพราะแต่ละคนจะมีการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ต่างกันออกไป
- พวกเรียนรู้เร็ว : ถ้าคุณเป็นพวกเรียนรู้เร็ว สิ่งแรกที่คุณจะทำคือออกไปซื้อเข็มโครเชย์ ด้ายและหนังสือฝึกทำในทันทีทันใด อาจจะมีการสอบถามผู้รู้สำหรับเทคนิคเล็กน้อย และลงมือทำไปโดยเรียนรู้จากข้อผิดพลาดของตัวเอง
- พวกชอบหาข้อมูล : ก่อนที่คุณจะเริ่มทำอะไร คุณมักจะใช้เวลาหลายชั่วโมงเพื่ออ่านและศึกษาสิ่งนั้น หรือแอบดูคนที่ถักโครเชย์เก่งๆ สอบถามข้อข้องใจอย่างเต็มที่ พูดง่ายๆ ว่าเอาทฤษฎีให้เต็มที่ก่อนจะลงมือปฏิบัติจริง
- พวกชอบประยุกต์ : คุณจะให้ความสำคัญกับคำพูดและตำราน้อยกว่าแนวทางฏิบัติของตนเอง ดังนั้นคุณอาจจะร่างแบบโครเชย์ที่ต้องการจะถักขึ้นมาก่อน หรืออาจจะเลือกความหนาและสีของไหมพรม ก่อนที่จะหยิบเข็มขึ้นมาเริ่มทำ
- พวกชอบความท้าทาย : คุณจะไม่ถักโครเชย์แบบธรรมดา คุณจะสร้างตำราเรียนย่อมๆ มาเพื่อตัวคุณเอง หรือไปเรียนกับอาจารย์แบบเป็นจริงเป็นจัง และทำตามตำราเป๊ะๆ เพื่อที่จะเรียนรู้วิธีการสร้างฝีเข็มใหม่ๆ ได้ในแบบตัวคุณเอง
ทั้งสี่ข้อที่กล่าวมานี้ ไม่มีอะไรถูกและผิด ทุกหานทางสามารถประสบความสำเร็จได้เหมือนกัน แต่สำหรับคนที่ยึดติดอยู่กับการกระทำเพียงข้อเดียวอาจจะยากที่จะลองทำตามแบบอื่นๆ ดูบ้าง เพราะในหน้าที่การงาน เราอาจจะต้องลองทำทุกหนทาง เหมือนกับที่ตัวตุ่นหัดว่ายน้ำ และตัวนากหัดปีนต้นไม้ ถึงแม้ว่ามันอาจจะเป็นอะไรที่เราไม่ถนัดเลยก็ตาม
2. ใช้จุดแข็งของคุณให้เต็มที่
ทุกคนย่อมรู้ดีว่าตัวเองถนัดและไม่ถนัดอะไร สิ่งที่ข้อนี้จะสอนคือ ถ้ารู้ตัวแล้วว่าไม่ชอบทำอะไรจริงๆ อย่าฝืน! ให้หาหนทางที่คุณทำแล้วสบายใจ อีกทั้งยังรู้สึกว่าได้เรียนรู้อะไรเพิ่มขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบทำอะไรเหมือนๆ กันเป็นประจำ ไม่ชอบเรื่องแปลกใหม่ ง่ายๆ ก็คือ อย่าทำงานฟรีแลนซ์ ถ้าคุณเป็นคนชอบประดิษฐ์สิ่งต่างๆ อย่ายอมที่จะจมปลักไปกับงานบัญชีเพียงเพื่อจะหาเลี้ยงชีพ ใช้ความรู้สึกของคุณนี่แหละในการเพิ่มประสิทธิภาพในตัวคุณให้เต็มที่ แน่นอนว่าในทุกบริษัทย่อมมีคนแบบตัวนาก กระรอก และหนู มันเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้น แต่อย่าใช้การกระทำที่ออกมาจากธรรมชาติเพียงอย่างเดียว แต่ให้ใช้มันอย่างมีสติ แล้วคุณจะใช้จุดแข็งของคุณได้อย่างเต็มที่ อีกทั้ยังสามารถที่จะอยู่กับคนที่มีธรรมชาติต่างจากคุณได้อีกด้วย
3. ร่วมงานกับคนที่มีความสามารถต่างจากคุณ
เมื่อตัวนาก ตัวตุ่น กระรอก และหนูต้องมาทำงานร่วมกัน สิ่งที่ดีที่สุดของทีมแบบนี้ก็คือ แต่ละคนจะแสดงด้านที่ตัวเองถนัดออกมาและทีมจะสามารถทำงานได้หลายรูปแบบและมีพลังในการแก้ปัญหาได้ครบด้าน ยกตัวอย่างเช่น สัตว์ทั้งสี่จะสามารถนำเอาวัตถุดิบต่างๆ มากักตุนไว้ได้ เช่น น้ำ ดิน ต้นไม้ และหญ้า นี่เป็นอีกหนทางหนึ่งที่คุณจะนำเอาศักยภาพที่แท้จริงของตัวคุณออกมาได้ เพราะผู้คนมากมายในปัจจุบันนี้เสียเวลาไปมากกับการพยายามเป็นอะไรสักอย่างที่ไม่ใช่เรา เรามักจะรู้สึกแย่กับตัวเองเวลาที่ล้มเหลว และก็ไม่ได้รู้สึกดีเท่าไหร่เวลาที่สำเร็จ เรามองข้ามข้อดีของเราไป แทนที่จะยอมรับและยินดีไปกับมัน เพราะเราสามารถทำเรื่องต่างๆ ในชีวิตให้น่าตื่นเต้นขึ้น มีประสิทธิภาพขึ้น มีความสุขขึ้น และคุณภาพที่ดีขึ้นได้ ซึ่งเราควรจะเริ่มตั้งแต่ตอนนี้เลย
No comments:
Post a Comment