Friday, November 28, 2008

ของขวัญอันล้ำค่า

แต่ก่อนนานมาแล้วยังมีชายชราคนหนึ่งแก่มากจนจำอายุตนเองไม่ได้
หากใบหน้าของเขายังคงอิ่มเอิบเปล่งประกายเลือดฝาด
เคราสีเงินยวงสะอาดตาของเขายาวปกคลุมมาถึงหน้าอก ร่างกายของเขาแข็งแรงมาก
ตายังไม่ฝ้าฟาง หูก็ยังไม่หนวก เขามีลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมือง
แต่เขาก็ยังเป็นคนจัดการทุกสิ่งทุกอย่างภายในครอบครัว

ปีนี้ เขาตัดสินใจว่าจะเลือกใครคนหนึ่งจากลูกชาย ๑๕ คน
ของเขามาสืบทอดภารกิจนี้เสียที แต่ว่าจะเลือกใครดีละ
เมื่อชายชราคิดวิธีที่ดีที่สุดได้ จึงสั่งให้ลูกชายทั้ง ๑๕ คน
มาพบแล้วแจกเมล็ดดอกไม้ให้ลูก ๆ คนละ ๑ เมล็ด พร้อมทั้งบอกว่า
ใครสามารถปลูกเมล็ดพืชนี้ให้งอกงามจนออกดอกบานสะพรั่ง
คนนั้นก็จะได้เป็นผู้สืบทอดมรดกต่อไป

เมื่อลูก ๆ ได้เมล็ดพืชมาแล้วต่างนำไปปลูกและดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี
ลูกชายคนเล็กของชายชราผู้นี้มีชื่อว่า เสี่ยวเหลียงจือ
เมื่อได้เมล็ดดอกไม้แล้ว
เขาก็นำไปปลูกในกระถาง รดน้ำเอาใจใส่อย่างดีทุกวันทุกคืน
แต่เมล็ดพืชนั้นก็ไม่แตกกล้าสักที เสียวเหลียงจือรู้สึกเศร้าโศกเสียใจมาก

เวลาผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ฤดูร้อนย่างกรายมาถึงแล้ว
ชายชราผู้เป็นพ่อกำหนดว่าวันนี้จะเป็นวันคัดเลือกดอกไม้ของลูก ๆ


ลูกทุกคนต่างอุ้มกระถางดอกไม้ที่ออกดอกบานสะพรั่งอย่างสวยสดงดงาม
มาให้ผู้เป็นพ่อชมเพื่อรอการคัดเลือก

ชายชราเดินตรวจดอกไม้ที่สวยงามในมือของลูกๆด้วยสีหน้าที่ไม่มีแววยินดีแม้แต่น้อย
เขาเดินตรวจจากบุตรชายคนโตมาจนถึงบุตรชายคนที่ ๑๔ โดยมิได้หยุดเลย
เมื่อเดินมาถึงเสี่ยวเหลียงจือ บุตรชายคนสุดท้อง ซึ่งยืนถือกระถางเปล่า
ไม่มีทั้งต้นไม้และดอกไม้ ชายชราจึงหยุดกึกอยู่ตรงนั้น
เสี่ยวเหลียงจือน้ำตาไหลพราก กล่าวกับบิดาอย่างสำนึกผิดว่า “พ่อครับ
ผมไม่มีดอกไม้จะมอบให้พ่อ...”
ชายชรากลับแย้มยิ้มและพูดอย่างยินดีปรีดาว่า
“ลูกเอ๋ย สิ่งที่เจ้ามอบให้พ่อนั้นมีค่ายิ่งกว่าดอกไม้มากมายนัก”
“อะไรหรือครับ” “ความซื่อสัตย์ไงละ”

เรื่องราวเป็นอย่างไรกันแน่... ชายชราจึงเปิดเผยความลับต่อลูกๆ
ว่าที่แท้เมล็ดพืชที่ตนแจกแก่ลูกๆ นั้นเป็นเมล็ดพืชที่นำไปคั่วจนสุกแล้ว

ดังนั้น......

ต้นไม้ที่ผลิดอกสวยงามเหล่านั้นล้วนมาจากเมล็ดพืชจากที่อื่นไม่ใช่เมล็ดพืชที่ผู้เป็นพ่อแจกให้
ดอกไม้พวกนี้จึงเป็นสักขีพยานยืนยันความไม่ซื่อตรงของพวกเขา

สุดท้ายชายชราจึงกล่าวอบรมลูก ๆ ว่า “ขอให้ลูกๆจงเป็นคนซื่อตรงเถิด
ความซื่อตรงเป็นสมบัติอันล้ำค่าของคนเรา” ชายชราผู้มองการณ์ไกล
มิได้มองหาลูกชายที่แข็งแรง ร่ำรวยหรือเฉลียวฉลาดเลย
หากแต่มองหาลูกชายที่ซื่อสัตย์จริงใจ แม้เสียวเหลียงจือ
จะมีเพียงกระถางว่างเปล่า แต่ใจของเขางดงามยิ่งกว่าดอกไม้ใด ๆ

เพราะเป็นใจที่เต็มเปี่ยมด้วยความซื่อสัตย์ซึ่งเป็นคุณสมบัติอันหาได้ยากยิ่ง
ในโลกที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งแข่งขันนี้

เขาจึงเป็นผู้ที่ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจและได้รับมอบหมายสิ่งสำคัญจากผู้เป็นบิดา
นี้ย่อมแสดงให้เห็นว่า ความซื่อตรง และจริงใจ เป็นสิ่งที่ทุกคนคาดหวัง
อยากได้จากกันและกันมากที่สุด ในชีวิตของเรา
เมื่อเราปรารถนาความซื่อตรงจริงใจจากทุกคน เราก็ควรเริ่มจากตัวของเราก่อน
มอบความซื่อตรงจริงใจให้แก่กัน
เพราะนี่คือสมบัติอันล้ำค่าที่เราทุกคนต่างปรารถนา
และสามารถมอบให้แก่กันและกันได้ ให้โลกนี้งดงามด้วยความจริงใจ
งามยิ่งกว่าดอกไม้ใดๆ ทั้งมวล

No comments: