Cravit ยาอันตรายที่ต้องระวัง
เนื้อหาของFWD << เนื้อหากล่าวถึงการที่แพทย์จ่ายยาอย่างไม่จำเป็นเพียงเพื่อหวังยอดขายและเงินส่วนแบ่ง ในนั้นอ้างว่ายาจะทำให้กล้ามเนื้อถูกทำลาย มีการสร้างความน่าเชื่อถือโดยการอ้างว่ามีเภสัชกรมายืนยันว่าไม่ต้องกินก็ได้ ... และมีการแสดงตัวอย่างที่บอกว่าการกินยาตัวนี้ทำให้คนดีๆต้องมีอาการหนักขึ้น
วิเคราะห์FWD >> เรื่องนี้คนที่สร้างFWDน่าจะเป็นคนไทย ซึ่งขอแยกประเด็นเป็นดังนี้ครับ
- เรื่องการสั่งยาโดยไม่จำเป็น ... การให้ยาCravit โดยไม่จำเป็น ถามว่ามีไหมก็คงจะมี แต่เป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังในการวิจารณ์ เนื่องจากผมเองเป็นหมอเอง เอายาที่หมอหรือเภสัชกรจ่ายให้คนไข้มาดู ก็ไม่อาจจะบอกได้ว่ายานั้นเหมาะสมหรือไม่ ดังนั้นเรื่องที่ว่าจำเป็นหรือไม่ต้องไปดูกันเป็นรายๆไป (ดังนั้นประเด็นนี้ไม่วิจารณ์ เพราะถ้าวิจารณ์จะเกิดการโต้เถียง) และเรื่องค่าคอมมิชชั่น อันนี้ก็เป็นเรื่องที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้
จะเห็นว่าเรื่องนี้จับเอาคนสองฝ่ายมาชนกันในFWD คือ หมอและเภสัชกร ... ซึ่งถ้าเถียงไปเถียงมา อาจจะเกิดกระทบกระทั่งกันเองได้ (ดังนั้นเรื่องผลประโยชน์ผมว่าคุยกันวันหลังดีกว่านะครับ)
-ในFWDบอกว่ามันเป็นยาแก้ปวดแต่ที่จริง Cravit เป็นตัวยาที่มีชื่อว่า Levofloxacin เป็นยาปฏิชีวนะ ที่มักใช้ในการรักษาโรคในระบบทางเดินหายใจและปัสสาวะ ... ในเมืองไทยการจ่ายยาตัวนี้แบบมีข้อบ่งชี้ ก็คือ การติดเชื้อระบบทางเดินหายใจที่คาดว่าเชื้อจะดื้อยา ปอดบวม และ กรวยไตอักเสบ (แต่ปกติไม่ได้ใช้เป็นตัวแรกเพราะมันมีผลข้างเคียง)
- ข้อดีของยาตัวนี้ที่ทำให้นิยมในรพ.เอกชนคือ ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล และ ไม่ต้องฉีดยา
- อาการที่ในFWD กล่าวถึงผู้หญิงฝ่ายMarketing พิสูจน์ไม่ได้ว่าเกิดจากยาหรือเกิดจากโรค เพราะสมมุติว่าคนนั้นเป็นกรวยไตอักเสบ อาการของกรวยไตอักเสบก็สามารถทำให้อาการหนักจนเข้าโรงพยาบาลได้เช่นกัน
- ถ้ายามันมีผลเสียจนมากเกินผลดีจริงๆ ในอเมิรกาคงมีการฟ้องกันวุ่นวายแล้ว
- และถ้ามีผลเสียต่อสุขภาพถึงขนาดเป็นยาอันตรายที่ไม่ควรกิน ประโยชน์มากกว่าโทษ FDA เขาตัดทิ้งครับ ... เผลอๆบริษัทแม่เอาออกจากตลาดเอง เพราะว่าถ้าบริษัทเหล่านั้นโดนฟ้อง เขาถือว่าไม่คุ้มกัน
โดยสรุปแล้ว หากใครได้รับยานี้จากแพทย์ และคุณคิดว่าไม่มีความจำเป็น(แพง)หรือไม่อยากกิน(กลัว) ให้บอกกับแพทย์ตรงนั้นไปเลยครับ เพราะว่าถ้าคุณเกิดจำเป็นต้องกินยานั้นขึ้นมาแล้วคุณไม่กิน อาจจะเกิดอันตรายจากการติดเชื้อได้ ... หรือถ้าหากกินยาแล้วไม่ดีขึ้นแทนที่จะไปโทษว่ายาเป็นสาเหตุน่าจะต้องระวังเรื่องการติดเชื้อที่รุนแรงเกินกว่ายาจะรับมือไหวดีกว่าครับ
ปล. ยาตัวนี้ผมก็เคยกิน
No comments:
Post a Comment