ตั้งแต่แรกเริ่ม ครอบครัวของหญิงสาวก็กีดกั้นไม่ให้หญิงสาวคบกับชายหนุ่ม
บอกว่าบ้านชายหนุ่มไม่มีฐานะเทียบเท่าบ้านเธอ
ถ้าหญิงสาวไปอยู่กับชายหนุ่มก็จะต้องทนลำบากทั้งชีวิต
ความกดดันจากทางบ้านทำให้หญิงสาวอารมณ์ไม่ค่อยดีเสมอ
และทะเลาะกับชายหนุ่มอยู่เรื่อย
หญิงสาวนั้นรักชายหนุ่มมาก เธอถามชายหนุ่มบ่อยครั้งว่า
"เธอรักฉันมากขนาดไหน?"
แต่ชายหนุ่มเป็นคนพูดไม่เก่ง ทำให้หญิงสาวโกรธเขาหลายครั้ง
บวกกับคำพูดของพ่อแม่เธอ ยิ่งทำให้หญิงสาวอารมณ์เสียมากยิ่งขึ้น
ชายหนุ่มจึงกลายเป็นที่ระบายอารมณ์ของเธอ
เขาก็ทนยอมรับอย่างเงียบๆ โดยไม่ว่าหญิงสาวเลยสักคำ
หลังจากนั้น ชายหนุ่มเรียนจบมหาลัยแล้ว ตัดสินใจจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ
ก่อนไป เขาเอ่ยปากขอแต่งงานกับหญิงสาว "ผมอาจจะเป็นคนพูดไม่เก่ง
ปากไม่หวาน แต่ผมรู้ว่าผมรักคุณมาก ถ้าคุณตกลงใจยินดี
ผมก็จะดูแลปกป้องคุณตลอดชีวิต สำหรับครอบครัวคุณ
ผมจะพยายามทำให้พวกเขายอมรับในตัวผม แต่งงานกับผมเถอะนะ ได้ไหม?"
หญิงสาวตอบตกลงชายหนุ่ม และด้วยความพยายามของชายหนุ่ม
พ่อแม่ของหญิงสาวก็ยอมรับเขา ในที่สุด ชายหนุ่มและหญิงสาวได้หมั้นกัน
ก่อนที่ชายหนุ่มจะไปเมืองนอกไม่นานนัก
ชายหนุ่มไปเรียนหนังสืออยู่ต่างแดนเพียงลำพัง
ส่วนหญิงสาวก็คงยังอยู่ภายในประเทศ และออกมาทำงานแล้ว
ชายหนุ่มไม่อาจกลับมาเยี่ยมหญิงสาวได้ เพราะเขาต้องใช้เงินอย่างประหยัด
ส่วนหญิงสาวก็ไม่มีเวลาไปหาชายหนุ่มได้
ทั้งสองจึงได้แต่เพียงติดต่อกันผ่านโทรศัพท์และจดหมาย
แต่ถึงกระนั้นความสัมพันธ์ของทั้งสองคนก็คงยังมั่นคงมิได้เปลี่ยนแปลงสักนิด
วันหนึ่ง หญิงสาวออกจากบ้านไปทำงานตามปกติ
ระหว่างทางที่เดินไปสู่ป้ายรถเมลล์ มีรถคันหนึ่งได้พุ่งตรงเข้าหาเธอ
.........
เมื่อหญิงสาวฟื้นขึ้นมา เธอเห็นพ่อแม่อยู่ข้างเตียง
ถึงเพิ่งรู้ว่าเธอประสบอุบัติเหตุและบาดเจ็บสาหัส
โชคยังดีที่ว่าไม่ถึงกับชีวิต
หญิงสาวเห็นพ่อแม่เธอร้องไห้โศกเศร้าไม่หยุด จึงเอ่ยปากคิดจะปลอบโยนพวกเขา
แต่เธอได้พบว่า... เธอพูดอะไรออกมาไม่ได้เลยสักคำ
เธอพยายามที่จะเปล่งเสียงออกมาให้ได้
แต่ก็ทำได้แค่มีเสียงคล้ายเสียงหอบเท่านั้น
หญิงสาวกลายเป็นใบ้ไปเสียแล้ว...
หมอบอกว่าเพราะอุบัติเหตุครั้งนี้ หญิงสาวนอกจากบาดเจ็บที่ขาแล้ว
สมองยังถูกกระทบกระเทือน เพราะฉะนั้นหญิงสาวจะพูดอะไรไม่ได้อีกเลยชั่วชีวิต
หญิงสาวได้แต่รับฟังคำปลอบโยนของพ่อแม่เธอ
แต่เธอไม่สามารถที่จะตอบอะไรได้เลย หญิงสาวสิ้นหวังแล้ว...
หญิงสาวได้แต่ร้องไห้ไม่หยุดทั้งวันทั้งคืน...
หลังจากนั้น หญิงสาวออกจากโรงพยาบาลและพักอยู่ที่บ้าน
ทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังเป็นเช่นเดิม
มีแต่เพียงเสียงโทรศัพท์ในห้องเธอ กลายเป็นฝันร้ายที่มาทรมานเธอ
แต่ละครั้งที่เสียงโทรศัพท์ดัง เป็นเหมือนดังมีดคมทิ่มแทงเข้าไปในใจเธอ
ความทรมานที่เธอต้องทนรับ ก็ไม่อาจจะบอกให้ชายหนุ่มรู้ได้
เธอไม่อยากเป็นตัวถ่วงของเขา
จึงเขียนจดหมายบอกชายหนุ่มว่า เธอไม่อยากจะรอเขาอีกต่อไป
เธอกับเขาจบสิ้นกันแล้ว และเธอก็ส่งแหวนหมั้นกลับไปให้เขาด้วย
หญิงสาวไม่รู้จะทำอย่างไรได้กับจดหมายและโทรศัพท์ของชายหนุ่มที่มีมาไม่ขาด
เธอได้แต่น้ำตาไหลรินเต็มหน้าทุกวัน
พ่อของหญิงสาวไม่อาจทนเห็นเธอต้องทนทรมานเช่นนี้อีกต่อไป จึงตัดสินใจย้ายบ้าน
หวังอยากให้หญิงสาวลืมความทุกข์นั้นและอยู่อย่างมีความสุขมากกว่านี้
เมื่อเปลี่ยนสภาพแวดล้อมแล้ว หญิงสาวก็ดีขึ้นหน่อย
เธอค่อยๆหัดเรียนใช้ภาษามือแทนคำพูด ทุกสิ่งทุกอย่างก็เริ่มต้นใหม่
เธอบอกกับตัวเองเสมอว่าให้ลืมชายหนุ่มเสีย
วันหนึ่ง เพื่อนสนิทของหญิงสาวบอกกับเธอว่า ชายหนุ่มกลับมาแล้ว
และออกตามหาเธอไปทั่ว หญิงสาวขอร้องเพื่อนเธอว่า
อย่าบอกเรื่องของเธอให้ชายหนุ่มรู้ เรียกให้เขาลืมเธอเสีย
หลังจากนั้น เธอก็ไม่ได้รับรู้ข่าวคราวของชายหนุ่มอีกเลย
เวลาผ่านไปได้ปีกว่า เพื่อนของหญิงสาวมาบอกกับเธออีกว่า
ชายหนุ่มจะแต่งงานแล้วและขอร้องให้เธอเอาการ์ดแต่งงานมาให้หญิงสาว
หญิงสาวได้รับฟังแล้วก็เศร้าใจมาก เธอเปิดการ์ดนั้นด้วยมือสั่น
แต่กลับเห็นชื่อเธอเองบนการ์ดใบนั้น เมื่อหญิงสาวกำลังจะถามเพื่อน
ชายหนุ่มก็มาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าเธอ
ใช้ภาษามือที่แข็งกระด้างบอกกับหญิงสาวว่า
"ผมใช้เวลาปีกว่าที่ผ่านมา บังคับให้ตัวเองหัดใช้ภาษามือให้ได้
เพื่อที่จะบอกกับคุณว่า
ผมไม่เคยได้ลืมสัญญาระหว่างเราสองคนเลย โปรดให้โอกาสผมได้เป็นเสียงให้แทนคุณ
ผม-รัก-คุณ"
หญิงสาวมองอ่านภาษามือของชายหนุ่ม และเห็นแหวนที่เธอคืนเขาไปในตอนแรก
ในที่สุดหญิงสาวก็ยิ้มออกมา...
No comments:
Post a Comment