Friday, November 28, 2008

นกแขกเต้า

ทุกๆ คนมีความสุข เมื่อแสวงหาทรัพย์มาได้
หลาย ๆ คน มีความสุขกับการครอบครองหวงแหนทรัพย์นั้นไว้
ในขณะที่อีกหลาย ๆ คนก็มีความสุขกับการใช้จ่ายทรัพย์นั้น
แท้จริงแล้ว?เราจะแสวงหาความสุขจากทรัพย์สิน ได้ด้วยวิธีการใด
ทำอย่างไร?เราจึงจะได้รับความอิ่มกายอิ่มใจ
จากทรัพย์ของเราให้ได้มากที่สุด

มีนกแขกเต้าฝูงหนึ่งประมาณ 500 ตัว
อาศัยอยู่ในป่างิ้วบนยอดเขาแห่งหนึ่ง
เมื่อถึงเวลาหากิน ฝูงนกแขกเต้าต่างพากันบินไปกินข้าวสาลีในนาของชาวมคธ

เมื่อกินข้าวสาลีอิ่มแล้ว ต่างก็บินกลับรังด้วยปากเปล่าๆ ทั้งนั้น
ส่วนพญานกแขกเต้าที่เป็นหัวหน้า เมื่อกินอิ่มแล้ว
ยังต้องคาบข้าวสาลีอีก 3 รวงกลับไปด้วย
ชาวนาเห็นก็แปลกใจ จึงพยายามดักจับพญานกแขกเ ต้าให้ได้
ด้วยการสังเกตที่ยืนของพญานกนั้น แล้ววางบ่วงดักไว้วันหนึ่งพญานกถูกจับได้
ชาวนาจึงถามพญานกว่า นกเอ๋ย ท้องของท่านคงจะใหญ่กว่าท้องของนกอื่น
เพราะเมื่อท่านกินอิ่มแล้ว ยังต้องคาบรวงข้าว กลับไป อีกวันละ 3 รวง
เป็นเพราะท่านมียุ้งฉาง หรือเป็นเพราะเรามีเวรต่อกันมาก่อน?
พญานกตอบว่า ?ข้าพเจ้าไม่ได้มียุ้งฉาง และเรา ก็ไม่มีเวรต่อกัน
แต่ที่คาบไป 3 รวงนั้น

รวงหนึ่งเอาไปใช้หนี้เก่า รวงหนึ่งเอาไปให้เขากู้
และอีกรวงหนึ่งเอาไปฝังไว้?
ชาวนาได้ฟังก็เกิดความสงสัย จึงถามว่า
?ท่านเอารวงข้าวไปใช้หนี้ใคร เอาไปให้ใครกู้ และเอาไปฝังไว้ที่ไหน?!

พญานกแขกเต้าจึงตอบว่า ?
รวงที่หนึ่งเอาไปใช้หนี้เก่า
คือเอาไปเลี้ยงดูพ่อแม่ เพราะท่านแก่แล้ว และเป็นผู้มีพระคุณอย่างมาก
ทั้งให้กำเนิดและเลี้ยงดูข้าพเจ้า จนเติบใหญ่ นับว่าข้าพเจ้าเป็นหนี้ท่าน
จึงสมควรเอาไปใช้หนี้??

รวงที่สองเอาไปให้เขากู้ คือ
เอาไปให้ลูกน้อยทั้งหลายที่ยังเล็กอยู่
ไม่สามารถหากินเองได้ เมื่อข้าพเจ้าเลี้ยงเขาในตอนนี้
ต่อไปยามข้าพเจ้าแก่เฒ่า
เขาก็จะเลี้ยงตอบแทน จั ดเป็นการให้เขากู้??

รวงที่สามเอาไปฝังไว้ คือ เอาไปทำบุญด้วยการให้ทานกับนกที่แก่ชรา
นกที่พิการหรือเจ็บป่วยไม่สามารถหากินได้ เท่ากับเอาไปฝังไว้
เพราะบัณฑิตทั้งหลายกล่าวว่า การทำบุญเป็นการฝังขุมทรัพย์ไว้?
ชาวนาฟังแล้วเกิดความเลื่อมใสว่า นกนี้เป็นนกกตัญญต่อพ่อแม่
เป็นนกมีความเมตตาต่อลูกน้อย และเป็นนกใจบุญ มีปัญญา รอบคอบ
มองการณ์ไกล

พญานกได้อธิบายต่อไปว่า ?ข้าวสาลีที่ข้าพเจ้ ากินเข้าไปนั้น
ก็เปรียบเหมือนเอาทิ้งลงไปในเหว ที่ไม่รู้จักเต็ม เพราะ
ข้าพเจ้าต้องมากินทุกวัน วันนี้กินแล้ว พรุ่งนี้ก็ต้องมา กินอีก
กินเท่าไหร่ ก็ไม่รู้จักเต็ม จะไม่กินก็ไม่ได้
เพราะถ้าท้องหิวก็เป็นทุกข์?
ชาวนาฟังแล้วจึงกล่าวว่า ?พญานกผู้มีปัญญา ทีแรกข้าพเจ้าคิดว่า
ท่านเป็นนกที่โลภมาก เพราะนกตัวอื่นเข าหากินเสร็จเรียบร้อยแล้ว
เขาก็ไม่คาบอะไรไป ส่วนท่านบินมาหากินแล้วก็ยังคาบรวงข้าวกลับไปอีก
แต่พอฟังท่านแล้ว
จึงรู้ว่าท่านไม่ได้คาบไปเพราะความโลภแต่คาบไปเพราะความดี
คือเอาไปเลี้ยงพ่อแม่ เอาไปเลี ้ยงลูกน้อย และเอาไปทำบุญ
ท่านทำดีจริงๆ?

ชาวนามีจิตเลื่อมใสในคุณธรรมของพญานกมาก
จึงแก้เครื่องผูกออกจากเท้าพญานก ปล่อยให้เป็นอิสระ แล้วมอบนาข้าวสาลีให้
พญานกรับนาข้าวสาลีไว้เพียงส่วนหนึ่ง ซึ่งกะคะเนแล้วว่าเพียงพอแก่บริวาร
จากนั้นจึงให้โอวาท แก่ชาวนาว่า ?ขอให้ท่านเป็นผู้ไม่ประมาท
หมั่นสั่งสมกุศลด้วยการทำทานและเลี้ยงดูพ่อแม่ผู้แก่เฒ่าด้วยเถิด?
ชาวนาได้คติจากข้อปฏิบัติของพญานกจึงตั้งใจทำบุญกุศลตั้ง
แต่นั้นมาจนตลอดชีวิต
นกแขกเต้า ผู้มีปัญญา รู้ว่าควรบริหารจัดการทรัพย์สินอย่างไร
จึงจะเกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งต่อตนเ อง ต่อครอบครัว และต่อสังคม
นับเป็นการใช้ทรัพย์อย่างชาญฉลาด ที่ยิ่งใช้ก็ยิ่งมีความสุขความเจริญ
สุขทั้งกาย สุขทั้งใจ สุขทั้งในปัจจุบัน และอนาคต

เราทุกคนเมื่อรู้จักเก็บ รู้จักหาทรัพย์แล้ว
ก็ควรจะรู้จักหาความสุขจากการใช้ทรัพย์อย่างถูกต้องด้วย
เพราะการแสวงหา? หรือครอบครองทรัพย์สินที่มี ไม่อาจสร้างความสุขใจ
ไม่อาจทำให้เกิดบุญกุศลได้ เทียบเท่ากับการใช้ทรัพย์นั้นให้เกิดคุณค่าอย่างแท้จริงต่อชีวิต

No comments: