Friday, November 28, 2008

ปีกน้อย...ที่ไม่อาจโบยบิน

หลังจากชายคนหนึ่งพบรังไหมของตัวอ่อนผีเสื้อ
เขาเฝ้าจับตาความคืบหน้ามาตลอด
กระทั่งได้เห็นรอยปริขนาดเล็กปรากฏอยู่ที่ผิวภายนอก ชายคนนั้นจึงนั่งลง
และเฝ้าจับตามองความเคลื่อนไหวของตัวอ่อนผีเสื้ออยู่นานหลายชั่วโมง
เขาเห็นมันพยายามดิ้นรนจะพ้นจากช่องเล็ก ๆ ของรังไหมให้ได้
แต่เมื่อไม่สำเร็จ เจ้าตัวน้อยก็หยุดเคลื่อนไหว

เหมือนจะยอมรับว่าไม่อาจขืนทำอะไรได้มากไปกว่านั้นเมื่อตัดสินใจได้ว่าจะช่วยตัวอ่อนแล้ว...

ชายคนนั้นจึงหยิบกรรไกรขึ้นมาตัดเปิดช่องรังไหมจนกว้างพอที่ตัวอ่อนจะสามารถอ
อกมาได้อย่างง่ายดาย
ตัวอ่อนผีเสื้อน้อยจึงออกมาเผชิญโลกทั้งสภาพร่างกายบวมกลม
ตรงข้ามกับปีกที่มีขนาดเล็กนิดเดียว!
แต่เขาก็เฝ้าจับตามองตัวอ่อนนั้นต่อไปด้วยความหวังว่า อีกไม่ช้า...
ปีกของมันจะขยายใหญ่ขึ้น
และแข็งแรงพอจะพยุงร่างกายมันได้เมื่อถึงเวลาอันควร
แต่เมื่อเวลาผ่านไป... กลับไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง!
ผีเสื้อน้อยต้องเดินและคลานไปมาทั้งชีวิต
ด้วยสภาพร่างกายบวมกลมและปีกแห้งเล็กที่ไม่เคยมีโอกาสจะบินได้
ภายใต้การดูแลอย่างอ่อนโยนของชายผู้หวังดี

สิ่งที่ชายคนนี้ไม่เคยเข้าใจก็คือ ธรรมชาติได้กำหนดมาแล้วว่า
ตัวอ่อนจะออกไปเผชิญโลกได้ก็ต่อเมื่อ
ของเหลวในร่างกายลดน้อยลงจนลำตัวมีขนาดสมดุลกับปีกเท่านั้น
จึงจะสามารถลอดออกจากช่องว่างขนาดเล็กของรังไหมได้สำเร็จ…
และถ้าตัวอ่อนได้ผ่านการดิ้นรนจนถึงเวลานั้น มันจึงจะเติบโตเป็นผีเสื้อ
ที่พร้อมโบกบินจากรังได้อย่างอิสระโดยแท้
การมีชีวิตอยู่โดยไม่ต้องผ่านอุปสรรคใด ๆ เลย
จึงมีแต่จะทำให้เราพิการและไม่แข็งแรง
การดิ้นรนฝ่าฟันอุปสรรคต่างหาก ที่เป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินชีวิต
ซึ่งจะช่วยให้เรายืนหยัดอยู่ได้อย่างแข็งแกร่ง เพราะอย่างนั้น…

ภูมิใจกับการดิ้นรนในวันนี้เถอะ ถ้าคุณหวังจะไปให้ถึงวันดี ๆ
ของชีวิตที่สามารถโบยบินได้อย่างเสรี!

No comments: